สมรภูมิการเมืองตอนนี้ต่างก็จับจ้องการทำงานของ “รัฐบาลแพทองธาร”กับปฏิบัติการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้เห็นร่องรอยความการปีนเกลียวขบเหลี่ยมกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย เพิ่มมากขึ้น สถานการณ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร

งานนี้“ธนพร ศรียากูล” ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ให้สัมภาษณ์กับรายการ Dailynews Talk ทางช่องยูทูบ ว่า เรื่องของการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะเห็นได้ว่า หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย “เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เสียอาการ เสียศูนย์ จากเรื่องการดำเนินการตัดน้ำ ตัดไฟ ชายแดนเมียนมา ที่พวกกลุ่มก่ออาชญากรรมข้ามชาติมาตั้งฐานปฏิบัติการล่อลวง หลอกลวงทั้งคนไทยและต่างชาติ  

 ทำให้จังหวะนี้พรรคเพื่อไทย ถือเป็นโอกาสพลิกสถานการณ์ ทั้งนายใหญ่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาพูดว่าต้องจัดการพวกนี้โดยเร็วและต้องให้สำเร็จภายในสิ้นปี ขณะที่ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายรัฐมนตรี และภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต้องออกคำสั่งเด็ดขาด ต้องตัดน้ำ ตัดไฟทันที ใครไม่ทำก็ต้องโดนย้าย

จากปฏิบัติการตรงนี้ถือเป็นการดึงคะแนนนิยม เรียกภาวะความเป็นผู้นำของ “นายกฯอิ๊งค์” ขึ้นมาได้ ขณะที่“นายใหญ่ทักษิณ” “บิ๊กอ้วน ภูมิธรรม”ประสานเสียงสอดรับกันมากเท่าไหร่ สังคมก็จะยิ่งเอาไปเปรียบเทียบภาวะผู้นำระหว่าง “เสี่ยหนู” “อนุทิน” ที่ทำหน้าที่รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยมากเท่านั้น และทำให้พรรคภูมิใจไทย ที่มีผู้มากบารมี “ครูใหญ่” นายเนวิน ชิดชอบ เป็นคนกำหนดเกม สว. สีน้ำเงิน หรือ “เนวินสภา” ซึ่งเคยบอกแล้วว่า “สว.”คือ จุดเปลี่ยน กระทบไปด้วย

นับตั้งแต่ “นายใหญ่ ทักษิณ” เสียท่าพ่ายเกม เลือกตั้งสว.ที่หมายมั่นปั้นมือให้ สมชาย วงสวัสดิ์ “น้องเขย” เป็นประธานวุฒิสภา กลับไม่ได้เข้าไปเป็นสว. ทำให้ “นายใหญ่”เสียหน้าไป

วันนี้ “นายใหญ่ ทักษิณ” เริ่มปฏิบัติการแก้เกมแล้ว เพราะฉะนั้นจะได้เห็นเกมเลยว่า 1.มีการบดขยี้ออกหมายจับ “หม่องชิต ตู” ผู้นำคนปัจจุบันของกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยงที่เข้าไปพัวพันคดีค้ามนุษย์และพวกอีก 2 คน อันเนื่องมาจากการต้องการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์มันได้ใจชาวบ้าน  2.ที่ยิ่งได้ใจชาวบ้านด้วยการทุบ “อนุทิน” และ 3.ปฏิบัติการต่อมาเป็นการทุบลูกพี่ “อนุทิน”คือ “ครูใหญ่เนวิน”ด้วยการเดินเกมจัดการสว.สายสีน้ำเงิน

ซึ่งอยู่ในคำแนะนำของผมมานานแล้ว วันนี้ “นายใหญ่ทักษิณ” เห็นแล้วว่า “สว. สีน้ำเงิน” ฟาดแล้วได้ผล ดิสเครดิต ทำลายล้างด้วยกระบวนยุทธ์ทำให้ “คุณอนุทิน” เดี้ยงแล้วตอนนี้ยกระดับฟาดไปยังครูใหญ่เนวินด้วย

โดยเฉพาะเรื่อง “หม่องชิตตู” เป็นปฏิบัติการต่อเนื่องอันเนื่องจากการพลาดท่าเสียทีของ “อนุทิน” ที่ไปกางปีกปกป้องเจ้าหน้าที่แต่ไม่เห็นว่าหัวชาวบ้าน

ปรากฏว่าภาพที่ออกมาเจอ “นายกฯอิ๊งค์”สั่งตัดไฟ สำทับกับ “รองนายกฯภูมิธรรม”บี้อีกถ้าไม่ตัดไฟย้ายหมด กลายเป็นว่าผู้นำกระทรวงมหาดไทย ซึ่งอาวุโสกว่านายกฯ และผ่านร้อนผ่านหนาวในสถานการณ์วิกฤติทั้งไข้หวัดนก โควิดมาแล้ว กลับกลายเป็นว่าสู้ “นายกฯนายน้อย” ไม่ได้กลายเป็น “อนุทิน” เสียทรงจนถึง ณ วันนี้

วันนี้เราเห็นแล้วว่า “นายใหญ่-นายน้อย-ภูมิธรรม” เห็นแล้วว่าสังคมชอบเลยเล่นช็อตต่อเนื่อง แล้วช็อตที่ได้ใจชาวบ้านที่สุดก็คือต้องไปจับหัวหน้าแก๊งค์กระชากออกมาจับมาให้ได้ โดยได้ออกหมายจับ “หม่องชิตตู” แล้ว ซึ่งเป็นเจ้าพ่อเมียวดีมีความเชื่อมโยงกับชเวก๊กโก เคเคพาร์ค แหล่งค้ามนุษย์ อะไรที่ทำได้ในฝั่งไทยก็ทำก่อน จึงเห็นคำสั่งย้ายด่วนข้าราชการที่เข้าไปเกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ตามมา แล้วเอามาสอบโดย เฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งซึ่งก็สนิทกับคนใกล้ชิดในพื้นที่ของ“นายกใหญ่” ซึ่ง “นายใหญ่” ก็ไปหาเสียให้ที่เชียงราย ตรงนี้ทำให้เห็นว่า คนที่คุ้นเคยเป็นคนสนิทกับ “นายใหญ่ทักษิณ” นายกฯยังสั่งจับดำเนินคดี ยิ่งทำให้ได้ใจชาวบ้านขึ้นไปอีกถึงแม้ยังไม่ได้ลงโทษก็ตาม เป้าหมายของ “นายกฯนายน้อย” จะดันการค้ามนุษย์ขึ้นเทียร์หนึ่งให้ได้

เกมนี้ไม่ต้องสงสัยไม่ใช่แค่เดิมพันคะแนนทางการเมืองแต่หมายถึงเศรษฐกิจบ้านเรากับสหรัฐอเมริกา และที่สำคัญชิงการนำการเป็นนายกฯอายุน้อย แต่มีความเป็นผู้นำสูงในกลุ่มประเทศอาเซียนเราด้วย คิดดูว่าถ้านายกฯเรามีภาวะความเป็นผู้นำสูงก็จะมีอำนาจต่อรองในสมรภูมิต่างประเทศมากมาย นี่คือเกมต่อรองอำนาจของรัฐบาลไทย สถานภาพประเทศจะดีขึ้น ศักดิ์ศรีก็จะดีขึ้น พรรคส้มไม่ต้องพูดถึง เพราะ “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ จะตามทันหรือไม่ ถ้าไม่เปลี่ยนผู้นำ

ทั้งหลายทั้งปวง “นายกฯนายน้อย” ที่วันนี้มี “นายใหญ่ทักษิณ”เป็นกุนซือ ไม่มีแผ่วมีแต่เกมบดขยี้ และจะฟาดหนักขึ้น เพราะเห็นแล้วว่า ในเรื่องนี้ได้ใจคนสามารถสร้างคะแนนนิยมทางการเมือง สามารถทุบ “อนุทิน”ให้จมธรณี แล้วยังสามารถใช้มาเป็นเครื่องมือการเจรจากับสหรัฐอเมริกา ศักดิ์ศรีทางการเมืองระหว่างประเทศก็โดดเด่น เหมือนกับที่ได้รับคำชื่นชมจาก ประธานาธิบดี“สีจิ้นผิง”มาแล้ว และในที่สุดก็จะได้คะแนนนิยมทางการเมือง ในการเลือกตั้งปี 2570 

บอกได้เลยว่าผลจากเรื่องนี้พวกฝ่ายค้านจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ระคายผิว แถมยังแผ่บารมีไปถึง “นายใหญ่ทักษิณ” ไปถึง “อาปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ด้วย

@  ช่วงนี้มีความเคลื่อนไหวพยายามล้มสว.สีน้ำเงินมองเรื่องนี้อย่างไร  

มีความพยายามจริงๆ การเมืองเพื่อล้างอาย นอกจากอายแล้วยังถูกขี่โดยเฉพาะ “ครูใหญ่เนวิน” ฟาดนายใหญ่ทุกดอก ดังนั้นตอนนี้ “นายใหญ่”หันมาอยากได้สว. เพราะเป็นกลไกที่ตั้งองค์กรอิสระกุมอำนาจตัวจริง จึงให้พวกสว.สอบตกไปร้องต่อกกต.แต่เมื่อไม่กล้าแตะ สว.สอบตกเหล่านี้ จึงไปร้องที่ ดีเอสไอ เพราะคดีการทุจริตเลือกตั้งส.ว.ถือเป็นคดีความมั่นคงไม่ใช่คดีเลือกตั้งอย่างเดียว เพราะการทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตยุติธรรมไปกระทบความมั่นคง

งานนี้รมว.ยุติธรรม ก็เด้งรับสอบเรื่องนี้ ทันทีและส่งเรื่องให้กกต.รับทราบ แล้วว่าคดีนี้เป็นคดีอั้งยี่ ฟอกเงิน และหากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษเมื่อไหร่เรื่องนี้ร้อนสว. สีน้ำเงินหลอนแน่  เกมนี้นายใหญ่มีวัตถุประสงค์ 2 อย่างวัตถุประสงค์ที่หนึ่งคือ วัตถุประสงค์สูงสุด คือ ล้าง 200 คน ล้มกระดานส.ว. เลือกใหม่ แต่ถ้าไม่ถึงเป้าหมายสูงสุดเป้าหมายรองลงมาและไม่ต่างกันมาก คือ สว. เปลี่ยนโปรย้ายค่าย แล้วถ้าคนไหนอยู่ในลิสต์อยู่ในโพยที่พวกสว.สอบตกส่งไป จะถูกอายัดทรัพย์ บัญชีธนาคาร รอเวลาดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษเมื่อไหร่

สว.ที่อยู่ในโพยมีหนาวแน่นอน ถ้าสว.พวกนี้ขวัญอ่อนไม่ก็เปลี่ยนจากค่ายสีน้ำเงินเป็นแค่สีแดงตั้งเป้าไว้ 130 คน ที่จะเปลี่ยนโปรย้ายค่าย เพราะว่าจำนวนโพยที่ร้อง มีเครือข่ายที่มีผลกระทบ 140 คนเป็นอย่างน้อย ที่อาจจะถูกจูงใจให้เปลี่ยนโปรย้ายค่ายเพราะค่ายสีแดงอาจจะจัดโปรได้แรงกว่า สถานการณ์ก็จะเปลี่ยน จับตาดูเลยว่าจะเป็นไปตามที่คาดการณ์หรือไม่