ปัญหายอดฮิตที่ทำให้ผู้ชายหลายคนต้องหนักใจเป็นอย่างมากนั่นก็คือการที่อวัยวะเพศไม่สามารถแข็งตัวได้เพียงพอ และนานพอที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้สำเร็จ หรือที่เรียกว่าอาการอีดี สารไนตริกออกไซด์มีผลให้ออกซิเจนที่มีอยู่ในกระแสเลือดทำให้กล้ามเนื้อเรียบเกิดคลายตัวทำให้เลือดไหลเวียนไปยังบริเวณอวัยวะเพศเกิดการขยายตัวของอวัยวะเพศ ส่งผลให้อวัยวะเพศชายขยายใหญ่และยาวขึ้น ซึ่งการพองตัวของอวัยวะเพศจะไปกดหลอดเลือดดำ ทำให้เลือดไหลออกจากอวัยวะเพศได้น้อยมาก จึงเกิดการคั่งของเลือดภายในอวัยวะเพศ เกิดการแข็งตัว หากเกิดความผิดปกติในขั้นตอนเหล่านี้ ก็จะส่งผลกับการแข็งตัวของอวัยวะเพศ ซึ่งสาเหตุก็มีหลายอย่างด้วยกันและหนึ่งในนั้นก็มาจากยากินที่ใช้รักษาโรคทางกาย

สาเหตุใหญ่ของปัญหาการแข็งตัวของอวัยวะเพศ และที่เป็นอันดับหนึ่งคือบุหรี่ ได้มีการทดลองแสดงให้เห็นว่าบุหรี่เพียงแค่สองมวนก็สามารถทำให้การไหลเวียนของเลือดไปที่องคชาตลดลงอย่างมาก ส่วนยาที่จ่ายโดยแพทย์ก็ยังเป็นตัวการสำคัญของการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ โดยเฉพาะยาลดความดันโลหิต สำหรับยาชนิดอื่นที่เป็นสาเหตุใหญ่ ๆ ได้แก่ ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ใช้ในผู้ชายที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของฮอร์โมนเพศชายในผู้ชายที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก เช่น flutamide เป็นต้น Lupron ยารักษามะเร็งต่อมลูกหมาก Proscar สำหรับชายที่เป็นต่อมลูกหมากโต สามารถทำให้ปริมาณน้ำอสุจิลดลงได้

ยาขับปัสสาวะใช้ในผู้ชายที่เป็นโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง Methyldopa ยารักษาความดันโลหิตสูงที่ใช้กันมานาน ยากลุ่ม beta blockers สำหรับรักษาโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง ยากลุ่ม calcium channel blockers ยารักษาความดันโลหิตสูงชนิดใหม่กว่า ยาระงับประสาท ยาลดอาการคัดจมูก ยารักษาอาการลมชัก ยาลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด Cimetidine ยารักษาแผลเปื่อย Digoxin ยารักษาภาวะหัวใจวาย ยาต้านอาการซึมเศร้า ยาต้านฮิสตามีน ใช้สำหรับแก้อาการแพ้หรือไข้หวัด และยาแก้ไข้ แก้ปวด กลุ่มแอสไพริน ฉะนั้นยาที่หมอสั่งรักษาโรคจึงมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอีดีได้เช่นกัน มาเปิดสมองรับทราบกันบ้างควรรู้ด้านดีของยาและผลข้างเคียงเพราะผลดีและผลข้างเคียงของยาก็เปรียบเช่นเหรียญมี 2 หน้า

หากสาเหตุจากยาทำให้เกิดอาการอีดี การหยุดยาชนิดนั้น หรือทำการเปลี่ยนชนิดยาในการรักษาก็สามารถทำให้อาการอีดีดีขึ้นได้ แต่การจะหยุดยาดังกล่าวจะต้องได้รับการพิจารณาจากแพทย์ผู้ดูแลก่อน คนไข้ห้ามหยุดยาเอง แต่ถ้าหากไม่สามารถหยุดยาได้ การรักษาอาการอีดีจึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์เพื่อหาสาเหตุว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากสาเหตุใดเพราะยาส่วนใหญ่ที่ใช้รักษาโรคดังที่กล่าวไว้ข้างต้นล้วนเป็นโรคที่เป็นสาเหตุให้เกิดอาการอีดีได้ทั้งนั้น แพทย์จะเป็นผู้หาสาเหตุที่ถูกต้องและทำการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

……………………………………………
ดร.อุ๋มอิ๋ม

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…