เปิดแผล “เส้นทาง” แรงงานอาชญากรรมออนไลน์ที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปปลายทาง “แดนนรก” วงจรภัยออนไลน์เชื่อมโยงแก๊งค้ามนุษย์

ปัจจุบันจากปฏิบัติการ “ไม้ตาย” ตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต น้ำมันเชื้อเพลิง บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ทำเอา “ผึ้งแตกรัง” โดยเฉพาะการปรับท่าทีปราบจริงจังในพื้นที่เจ้าของปัญหา ผ่านการนำกำลังเข้ากวาดล้างแรงงานตามอาคารต้องสงสัยบ่อนพนัน วอร์รูมแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่าน “ผลลัพธ์” เอาจริงชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับการทยอยส่งตัวแรงงานเข้าสู่กระบวนการสำคัญคือแยก “เหยื่อแท้” หรือ “เหยื่อเทียม”

ขณะอีกความเคลื่อนไหวที่น่าจะมีบทบาทสำคัญและเป็นประโยชน์ในขั้นตอนจากนี้คือ ภาพการหารือร่วมกันของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับเอกอัครราชทูต 5 ประเทศ พร้อมผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูต 18 ประเทศ อาทิ ศรีลังกา อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย จีน บราซิล สหรัฐอเมริกา โมร็อกโก อินเดีย เคนยา ยูเครน บังกลาเทศ รัสเซีย

รวมถึงสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) สำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (HSI) กระทรวงการต่างประเทศ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำโดย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผอ.ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ (ศตคม.ตร.) และ ผอ.ศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอส.ตร.) ที่จะกระชับใกล้ชิดความร่วมมือ เพิ่มการทำงานแบบ “ติดปีก”

เนื่องจากประเทศที่เชิญหารือ ล้วนเป็นประเทศที่มีประชาชนถูกหลอกลวงให้ไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเป็นการเดินทางผ่านประเทศไทย เบื้องต้นจากการพูดคุย พล.ต.อ.ธัชชัย เชื่อว่าจะทำให้ความร่วมมือในแต่ละประเทศจากนี้ง่ายขึ้น และประสานพูดคุยกันได้ตลอด 24 ชม.

รวมถึงโอกาสในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึก เพื่อประโยชน์ในการคัดแยกเหยื่อและสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการสร้างแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสถานทูตต่างๆ ไว้เฉพาะเพื่อความสะดวก

แม้ด้านการปราบปรามต้องยอมรับว่าครั้งนี้ ถือเป็นปรากฏการณ์ใหญ่ที่ไม่ใช่เพียงประเทศไทย หรือประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นการดึงทุกประเทศเกี่ยวข้องไม่ว่าในรูปแบบที่ประเทศตัวเองมีผู้เสียหายถูกหลอก, การที่มีคนของประเทศตัวเองไปเป็นแรงงานในเครือข่าย, ประเทศที่มีคนของตัวเองเป็นนายทุน หรือประเทศที่ถูกใช้เป็นฐานการกระทำความผิด ต่างมีบทบาทร่วมกันสะสาง

ยังไม่รวมปฏิบัติการภายในประเทศไทยเองที่เข้าทลายรัง บุก “เซฟเฮาส์” แก๊งมิจฉาชีพถี่ แต่…ก็ยังทำลายฐานหลอกได้แค่บางส่วน

เพราะข้อเท็จจริงอีกด้านยังมีเหยื่อโผล่รายวัน จากทั้งแก๊ง “โรแมนสแกรม” หลอกให้รักแล้วโอนเงิน หรือ “หลอกอุ้ม(ทิพย์)” เรียกค่าไถ่ ตกเหยื่อนักศึกษา

สะท้อนว่าแก๊งเหล่านี้ไม่ได้ปราบหมดง่าย ๆ และหลายฐานยังเดิน “สายพาน” หลอกได้เหมือนเดิม ชี้พิกัดที่มากกว่าที่ปฏิบัติการอยู่

นี่จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่ยังไม่เห็นปลายทาง (จบ) ได้ง่ายๆ แน่นอน.

ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน

[email protected]