แม้คาร์นีย์มีเส้นทางสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองของแคนาดาที่ไม่ธรรมดา แต่ในช่วงเริ่มต้นของแคมเปญหาเสียง เขากล่าวกับกลุ่มผู้สนับสนุนว่า สถานการณ์ในปัจจุบันก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน

คาร์นีย์กล่าวว่า ภัยคุกคามจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ถือเป็น “วิกฤติร้ายแรงที่สุดในช่วงชีวิตของชาวแคนาดา” และสหรัฐต้องการทรัพยากร น้ำ แผ่นดิน และประเทศ พร้อมกับเสริมว่าประสบการณ์ของเขา ในการพาธนาคารกลางแคนาดาฝ่าฟันวิกฤติการเงินเมื่อปี 2551-2552 และการเป็นผู้ว่าการบีโออี หลังสหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) หรือ “เบร็กซิต” ทำให้เขาพร้อมที่จะเป็นผู้นำประเทศแล้ว

ทั้งนี้ คาร์นีย์ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุน 85.9% ในการเป็นผู้นำพรรคเสรีนิยมคนใหม่ และจะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดาด้วย ซึ่งเขาอาจไม่ได้นั่งเก้าอี้ผู้นำเป็นเวลานานนัก เนื่องจากแคนาดาจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือน ต.ค. นี้ และพรรคอนุรักษนิยมที่เป็นแกนนำฝ่ายค้าน ก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นฝ่ายที่คว้าชัยชนะ ตามผลการสำรวจล่าสุด

แต่ไม่ว่าคาร์นีย์จะดำรงตำแหน่งได้นานแค่ไหน การครองอำนาจของเขาก็มีความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร เพราะคาร์นีย์จะเป็นนายกรัฐมนตรีแคนาดาคนแรก ที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองเลย

ด้านนายดาเนียล เบลันด์ ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการศึกษาแคนาดา จากมหาวิทยาลัยแมคกิลล์ กล่าวถึงคาร์นีย์ว่าเป็น “เทคโนแครต” และเป็นคนน่าเบื่อที่ไม่มีเสน่ห์มากนัก แต่เขาตั้งข้อสังเกตว่า แคนาดากำลังเผชิญกับความวุ่นวายทางการค้าและการโจมตีอธิปไตยอันเกิดจากทรัมป์ ซึ่งความสามารถที่เข้มงวดกวดขัน แต่ไม่โอ้อวด อาจทำให้คาร์นีย์น่าดึงดูดใจได้

อย่างไรก็ตาม นางลอรี เทิร์นบูล จากมหาวิทยาลัยดาลฮูซี เตือนว่า คาร์นีย์อาจประสบปัญหาในการเชื่อมต่อกับสาธารณชน เนื่องจากเขาไม่ใช่ผู้สื่อสารที่เก่งกาจเป็นพิเศษ เมื่อต้องเข้าหาประชาชน

“เขาได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ในการรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจ และมันเป็นเรื่องยากมากที่จะเห็นคนประสบความสำเร็จในแวดวงการเมือง ถ้าไม่สามารถดึงคนอื่นเข้ามาร่วมด้วยได้” เทิร์นบูล กล่าวเพิ่มเติม

อีกด้านหนึ่ง พรรคอนุรักษนิยมใช้โฆษณาโจมตีคาร์นีย์ โดยกล่าวหาว่าเขาเป็น “คนเจ้าเล่ห์” ซึ่งเทิร์นบูลกล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคอนุรักษนิยมพยายามชี้ให้เห็นว่า คาร์นีย์เป็นคนชั้นสูงที่ไม่เข้าใจว่าคนทั่วไปต้องเจอกับอะไรบ้าง และถ้าเขาสื่อสารได้ไม่ดี เขาก็เสี่ยงที่จะถูกมองว่าเป็นคนแบบนั้น

อนึ่ง การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และแผนการของคาร์นีย์ที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว มีบทบาทสำคัญในการรณรงค์หาเสียงของเขาอย่างแน่นอน แต่ในขณะเดียวกัน “ภาษีคาร์บอน” ก็จะกลายเป็นแนวทางการโจมตีที่พรรคอนุรักษนิยมชื่นชอบไปในตัว.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AFP