เป็นที่แน่นอนแล้วว่า การเลือกตั้งใหญ่ชิงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ในวันที่ 25 มี.ค.นี้ เวลา 09.30 น. ณ ที่ทำการบ้านอัมพวัน นั้น

จะเหลือเพียง “สองบิ๊กกีฬา” อย่าง “บิ๊กเอ” ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย กับ “บิ๊กสุชัย” สุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทยฯ ชิงตำแหน่งกันเท่านั้น

เพราะก่อนหน้านี้ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ไอโอซีเมมเบอร์ และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ ได้ประกาศถอนตัว แต่ก็พร้อมทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อให้วงการกีฬาไทยพัฒนาและเดินหน้าไปสู่ระดับโลก ซึ่ง คุณหญิงปัทมา ทำมาแล้ว ทำอยู่ และจะทำต่อไป ไม่ว่าจะบทบาทไหนก็ตาม

ที่นี้มาดูกันว่าการเลือกตั้งใหญ่ประธานโอลิมปิคไทย นโยบายของ “บิ๊กเอ+บิ๊กสุชัย” เป็นอย่างไรบ้าง

คุณพิมล เปิดตัวคีย์แมนกีฬาไทย เข้าร่วมเป็นทีมงานอย่างคับคั่ง ไล่ตั้งแต่ “เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย, “บิ๊กต้อม” ธนา ไชยประสิทธิ์, “บิ๊กแนต” ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์, “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ, “เสธ.หมึก” พล.อ.เดชา เหมกระศรี และอีกหลายท่านที่ยังไม่ได้ออกหน้า

นโยบายสำคัญคือจะเป็น “ตัวกลาง” ในการประสานงานกับองค์กรภาครัฐ ทั้ง การกีฬาแห่งประเทศไทย, กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ หรือกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อแก้ปัฐหา “เงินฝืด” หรือ เงินออกล่าช้า ให้กับสมาคมกีฬาและนักกีฬา พร้อมทั้งเพิ่มเบี้ยงเลี้ยงให้กับนักกีฬาทีมชาติ ปรับยอดเงินอัดฉีดให้คนที่ได้เหรียญซีเกมส์

ฝั่ง คุณสุชัย นักธุรกิจที่ว่ากันว่า “ใจถึงพึ่งได้” นั้น มี “บิ๊กแบงค์” พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี/รมว.คลัง และนายกสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย เป็นแบ๊คอัพใหญ่ ร่วมด้วย “คุณจุ๊บ” ดร.สีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ นายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นบุตรชายของ “บิ๊กจา” พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ อดีตพ่อบ้านโอลิมปิคไทย ผู้ล่วงลับ เป็นทีมงาน

นโยบายสำคัญคือการตั้ง “กองทุน” มาช่วยเหลือสมาคมกีฬาต่าง ๆ และมั่นใจว่าเบื้องต้นจะหาเงิน 100 ล้านบาท มาตั้งกองทุนได้ทันที ที่ได้เป็นประธานโอลิมปิคไทย

“บิ๊กสุชัย” ยังยืนยันอีกว่า ตอนนี้ได้ คุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกปากรับคำมาเป็นประธานที่ปรึกษาฯ เรียบร้อยแล้ว พร้อมย้ำมาตลอดว่า ตนเองโปร่งใส ตั้งใจเข้ามาทำเพื่อวงการกีฬาจริง ๆ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง และไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซงแน่นอน

ต้องบอกว่าโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานโอลิมปิคไทยครั้งนี้ ดุเดือดเลือดพล่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ส่วนจะมีการเมืองเข้ามาแทรก หรือถึงขั้นซื้อเสียงกันหรือไม่นั้น ตรงนี้ไม่ทราบจริง ๆ หรือถ้ามี ก็ขึ้นอยู่กับโหวตเตอร์ ทั้ง 37 สมาคมกีฬา ว่าท่านจะยอมขายศักดิ์ศรีแลกกับเงินก้อนนี้หรือไม่

ว่ากันว่า “คืนหมาหอน” ไม่ได้ใช้กับแวดวงการเมืองเท่านั้น แต่วงการกีฬาก็ไม่ได้ผิดต่างกันเลย เพราะ “ดีลลับ” จะเกิดขึ้นก่อนคืนเลือกตั้งเกือบทุกกีฬา ใครจะชนะ ใครจะแพ้ ก็อยู่ที่การปิด “ดีลลับ” ใน “คืนหมาหอน” นี่เอง

ฉะนั้นจับตามองกันให้ดี ๆ เพราะข่าวแว่วมาว่าหลังการเลือกตั้งใหญ่ครั้งนี้ “วงการกีฬาไทย” อาจจะถึงขั้นแตกหัก หลาย ๆ คน อาจจะไม่ร่วมวงสังฆกรรมกันเลยทีเดียว

ศรีเชลียง