วันนี้ขอส่งกำลังใจไปให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่กำลังทำงานคลี่คลาย 2 คดีใหญ่ ๆ
คือ 1.คดีฟอกเงินฮั้ว สว. เข้ามาเป็น “นอมินี” พรรคการเมือง 2.คดีตึก สตง.ถล่ม! ตึกเดียวในไทย และตึกเดียวในโลกที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางของแผ่นดินไหวเกือบ 1,000 กิโลเมตร ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบราย
“พยัคฆ์น้อย” ไม่เคยคุยกับ พ.ต.อ.ทวี และ พ.ต.ต. ยุทธนา ว่าคดีฟอกเงินฮั้ว สว.คืบหน้าไปถึงไหน?
แต่จับอาการพล่าน ๆ ยังไงชอบกลของคนดังเมืองบุรีรัมย์-อ่างทอง ก็พอจะประเมินทิศทางคดีได้ว่าพยานหลักฐานต่าง ๆ และเส้นทางการเงิน น่าจะเชื่อมโยงไปถึง “คนดัง” เหล่านี้ และปลายเดือน เม.ย. 68 “ดีเอสไอ” คงเชิญ สว.บางคนมารับทราบข้อกล่าวหาได้บ้าง!
ส่วนคดีตึก สตง.ถล่ม! ดีเอสไอวางกรอบการสอบสวนไว้ 3 ฐานความผิด คือ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 พ.ร.บ.ว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542
วันที่ 21-22 เม.ย. 68 ดีเอสไอจับกุมชาวจีน 1 คน ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศ ไทย) จำกัด ในข้อหาเป็นคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบกิจการฯ
ตามมาด้วยการจับกุม 3 คนไทย ที่เป็น “นอมินี” ให้กับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ มาสอบสวนแล้วส่งตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา
ปัญหาคนไทยเป็น “นอมินี” ให้ต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ณ ขณะนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รวมทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และดีเอสไอ ต้องปราบปรามให้ลดน้อยลงไปบ้าง!
ทั้งภัตตาคาร ร้านอาหารคาว-หวาน ร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ด ร้านวัสดุก่อสร้าง ร้านเฟอร์นิเจอร์ ในกรุงเทพฯ (ห้วยขวาง-รัชดา) รวมทั้งจังหวัดเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว ดูก็รู้ว่าธุรกิจเหล่านี้คนไทยไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่เป็นธุรกิจของ “ต่างชาติเทา ๆ” ทั้งนั้น
ไหนจะธุรกิจคอนโดฯ โรงแรม รีสอร์ท สวนเกษตร(ทุเรียน-ลำไย) รถบรรทุกขนส่งสินค้า และรถทัวร์นำเที่ยว ถ้ามีคนไทยออกหน้าเป็นนอมินีให้ชาวต่างชาติ ก็ต้องดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐเปิดยุทธการลุย! ตรวจสอบพร้อมกันทุกเขต–อำเภอ–จังหวัดทั่วประเทศ ดูซิ! นอมินีและต่างชาติ เทา ๆ จะอยู่ได้หรือเปล่า
แถมด้วยการตรวจสอบเข้มงวดกับต่างชาติที่เข้ามาเรียนในไทย โดยใช้ “วีซ่านักศึกษา” แต่สวมสิทธิเข้ามาทำงานหรือประกอบอาชีพอย่างจริงจัง เนื่องจากวีซ่านักเรียน-นักศึกษา ใช้เพื่อการเรียนหนังสือและฝึกงานประกอบการเรียนเท่านั้น หากเข้ามาทำงานเป็นกิจจะลักษณะเพื่อเลี้ยงชีพ ผิดกฎหมายแน่นอน!
วันก่อนได้ข่าวธุรกิจ “แท็กซี่” ใน จ.ภูเก็ต ถูกต่างชาติยึดไปนานแล้ว! ภูเก็ตวันนี้ “รัสเซียเทา-จีนเทา” สูสีกันมาก!!.
…………………………………….
พยัคฆ์น้อย