เมื่อเงาแค้นทอดตัว… สู่บทอวสานที่คาดไม่ถึง

“Oshi no Ko : เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ” ซีรีส์อนิเมะที่สร้างจากมังงะดัง และสามารถสร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการ ด้วยการปล่อย EP01 ตอนแรกสุดทรงพลัง ซึ่งมีความยาวถึง 1 ชั่วโมง 22 นาที ถือเป็นหนึ่งในตอนที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประวัติศาสตร์อนิเมะ (ก็เล่นทำยาวเท่าหนังหนึ่งเรื่อง) แม้หลังจากนั้น กระแสจะดร็อปลงเรื่อย ๆ จนหลายคนเลิกดูไปเลยก็มี แต่ความตราตรึงใจที่ โฮชิโนะ ไอ สร้างเอาไว้ในตอนแรก ยังคงมีอิมแพ็คกระแทกใจผู้คนได้ทุกเมื่อที่ย้อนคิดถึง โดยเฉพาะเหล่าโอตะสายชื่นชอบไอดอลทั้งหลาย

ตอนที่มีข่าวว่า “เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ” จะกลายเป็นไลฟ์แอ็คชั่น แฟน ๆ ก็ตื่นเต้นกันสุด ๆ ลุ้นว่าจะแคสต์ใครมาเล่น แม้จะขัดใจบางคน แต่สุดท้ายการแคสต์ครั้งนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ถูกต้องและเกือบสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะ “อาสึกะ ไซโตะ” หรือ “อาชูริน” อดีตเมมเบอร์ตัวท็อปของวงไอดอลดังญี่ปุ่น Nogizaka 46 ที่รับบทตัวละครสุดสำคัญของเรื่อง “โฮชิโนะ ไอ” ตอนแรกบางคนอาจรู้สึกว่า พลังดาเมจของอาชูรินยังไม่เทียบเท่าไอ แต่เมื่อเวลาผ่านไป จนมาถึงบทสุดท้ายของ Oshi no Ko กับภาพยนตร์ตอนอวสาน “Oshi no Ko -The Final Act : เกิดใหม่เป็นลูกโอชิบทสุดท้าย” ที่เราจะรีวิวกันในครั้งนี้ ภาพจำถึงไอของทุกคน ก็กลายเป็นภาพของ อาชูริน ไปโดยไม่รู้ตัว และอาสึกะซังยังสามารถคว้ารางวัล Newcomer of the Year จาก Japan Academy Film Prize ครั้งที่ 48 จากหนังเรื่องนี้มาครองได้อีกด้วย

สำหรับแฟนคลับของ อาชูริน ห้ามพลาด “Oshi no Ko -The Final Act” เด็ดขาด!! เพราะหลังจาก EP01 ที่เราได้ดู อาชูริน กันเต็ม ๆ แต่หลังจากนั้นก็โผล่มาแว๊บ ๆ เท่านั้น ทว่า ใน “เกิดใหม่เป็นลูกโอชิบทสุดท้าย” เราจะได้ดูอาชูรินกันแบบจัดหนัก ดูกันให้ฟินไปเลย!!

ส่วนนักแสดงคนอื่น ๆ อย่าง นางิสะ ไซโตะ (รับบท รูบี้), นาโนกะ ฮาระ (รับบท อาริมะ คานะ) และ อาโนะ (รับบท เมม-โจะ) ที่สวมบทบาทเป็น 3 เมมเบอร์วง B-Komachi ยุคใหม่ ก็ถือเป็นสีสันของหนังที่ขาดไม่ได้ 2 ฉากการแสดงใหญ่บนเวทีของ B-Komachi รุ่นใหม่ ถือเป็นไฮไลต์ที่ห้ามพลาด โดยเฉพาะฉากการเชียร์แท่งไฟของเหล่าแฟนคลับในคอนเสิร์ต ที่น่าตื่นตาตื่นใจสุด ๆ น่าเสียดายที่บทของ นาโนกะ, อาโนะ และอีกหนึ่งนักแสดงคุณภาพ มิซูกิ คายาชิมะ จะมีน้อยไปหน่อย

เพลง SHINING SONG ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความประทับใจ เพราะเราจะได้ฟังเสียงและดูการแสดงของอดีต 2 ไอดอล อาโนะ ที่เคยเป็นไอดอลวง You’ll Melt More! และ นางิสะ ไซโตะ เคยเป็นไอดอลวง =LOVE

ขณะที่ ไคโตะ ซากุราอิ กับบทพระเอก “อความารีน” ที่การแสดงหนังเรื่องนี้ต้องใช้พลังมากเป็นพิเศษ เพราะเน้นไปที่การไล่ล่าและล้างแค้น พูดง่าย ๆ ว่าทุกฉาก อควา มาเต็มมาเข้มตลอด ไม่มีให้พักเลย และหนุ่มไคโตะก็ทำได้ยอดเยี่ยม

สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านมังงะ ไม่เคยดูอนิเมะ ไม่เคยดูซีรีส์ไลฟ์แอ็คชั่นของ “Oshi no Ko : เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ” หรือดูไม่จบยกมือยอมแพ้ไปก่อน ไม่ต้องกังวลใด ๆ ทั้งสิ้น คุณสามารถดูหนังเรื่องนี้เข้าใจได้ตั้งแต่ต้นยันจบ เพราะหนังเล่าเรื่องตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงอวสาน แม้จะไม่สมบูรณ์ครบถ้วน แต่เข้าใจแน่นอน ส่วนคนที่ดูมาหมดแล้ว แต่ซื้อตั๋วเข้าไปดูหนัง เพราะอยากดูตอนจบที่ไม่เหมือนมังงะ และกังวลว่าหนังจะน่าเบื่อ เพราะทุกอย่างดูมาหมดแล้ว ก็ขอให้สบายใจ เนื่องจากหนังมีการใส่ฉากที่เราไม่เคยเห็นในซีรีส์ไลฟ์แอ็คชั่นมาก่อน เพิ่มเข้ามาอยู่พอสมควรเลย

“Oshi no Ko -The Final Act : เกิดใหม่เป็นลูกโอชิบทสุดท้าย” เรื่องราวของ “โกโร่ อามามิยะ” นายแพทย์หนุ่มที่กลับชาติมาเกิดใหม่เป็น “อความารีน” ลูกของ “โฮชิโนะ ไอ” ไอดอลสาวตัวท็อปแห่งวง “B-Komachi” ที่เขาชื่นชอบระดับยกให้เป็นคามิโอชิ เขาและน้องสาว “รูบี้” ที่ชาติก่อนเธอเองก็คือ “ซารินะ เทนโดจิ” คนไข้ในการดูแลของนายแพทย์โกโร่ ที่เป็นแฟนคลับของไอเช่นกัน 2 พี่น้อง “อควา-รูบี้” ได้ใช้ชีวิตกับโอชิของตัวเองเพียงไม่นาน ไอก็ถูกแฟนคลับคลั่งตามมาแทงเสียชีวิต ทำให้ อควา ปฏิญาณตนว่า จะตามล่าหาคนที่วางแผนทำให้ไอตาย มาลงโทษให้จงได้

หลังจากเหตุการณ์พลิกผันในตอนจบของซีรีส์ นำไปสู่การเผชิญหน้าอันแสนเจ็บปวด Oshi no Ko -The Final Act พาเราก้าวเข้าสู่องก์สุดท้ายของเรื่องราวการล้างแค้นที่เดิมพันด้วยชีวิต และความจริงอันน่าสะพรึงกลัว อควอและรูบี้ ฝาแฝดผู้แบกรับอดีตอันขมขื่นของไอดอลผู้เป็นแม่ “ไอ” ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่ใครอื่น แต่กลับเป็นบุคคลที่พวกเขาคาดไม่ถึง และใกล้ชิดกว่าที่คิด

ขณะที่ อควอ มุ่งมั่นในการตามล่าหาความจริง รูบี้เองก็ต้องเผชิญกับการเติบโตในเส้นทางไอดอลที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และความกดดัน ความฝันที่จะเปล่งประกายบนเวทีกลับกลายเป็นบททดสอบอันหนักหน่วง เมื่ออดีตตามหลอกหลอน และความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องฝาแฝดก็ถูกท้าทายด้วยความลับ และความเข้าใจผิด การแสดงอารมณ์ของนักแสดงในภาคนี้ ทำได้อย่างลึกซึ้งและสมจริง จนผู้ชมสามารถสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด ความสับสน และความหวังที่ริบหรี่ของพวกเขา

ฉากไคลแม็กซ์ที่เป็นการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายระหว่าง อควอมารีน กับ ฆาตกร เต็มไปด้วยความตึงเครียด ความโกรธแค้น และความเสียใจ การเปิดเผยความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์ในอดีต ทำให้เราสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ แต่สุดท้ายแล้ว แม้ตอนจบจะดีกว่าในมังงะ ทว่า ก็ยังคงหนีไม่พ้นคำว่า “ตกม้าตาย” อยู่ดี

4/5
แม้จะจบแบบบ้ง ๆ แต่ระหว่างทางนั้น ยังคงสวยงาม น่าประทับใจ และไม่ควรพลาด การแสดงของ “อาชูริน” และ “เรียว นาริตะ” เคมีเข้ากันและทรงพลังสุด ๆ โดยเฉพาะ อาชูริน การได้รับรางวัล Newcomer of the Year จากหนังเรื่องนี้ การันตีความดีงามของเธอได้เป็นอย่างดี แถมแฟน ๆ ของเธอจะได้เห็น อาชูริน ตัวท็อปจาก Nogizaka 46 กลับมาโลดแล่นเป็นไอดอลอีกครั้ง ซึ่งหาไม่ได้อีกแล้วในชีวิตจริง ทำให้ฉากคอนเสิร์ตของ B-Komachi ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ถือเป็นฉากที่ทรงคุณค่าของหนัง เพราะเราคงไม่ได้เห็น อาโนะ มาเป็นไอดอลอีกแล้วเช่นกัน ส่วนตอนจบที่ไม่เหมือนมังงะ แม้จะพยายามทำความเข้าใจจิตใจของฆาตกร ว่าทำไปทำไม? ถึงหนังจะเล่าปมมากมายของฆาตกร แต่สุดท้ายก็เข้าไม่ถึงอยู่ดี ทว่า แค่ฆาตกรโผล่หน้ามา ก็น่าจะประทับใจแล้วแหละ ไม่ต้องเข้าใจอะไรหรอก
.

หมีเช