Archival Time on Our Retina” นิทรรศการที่เป็นเสมือนการเดินทางสำรวจคลังประวัติศาสตร์ที่หลอมรวมกาลเวลาและความจริงที่เคลื่อนไหวในภาพยนตร์ เผยให้เห็นทัศนมิติอันหลากหลายในสังคม วัฒนธรรม ฯลฯ เป็นหนึ่งในนิทรรศการที่จัดแสดง ณ ห้องนิทรรศการ  อาคารสรรพศาสตรศุภกิจ หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ศาลายา โดยจัดถึง 27 กรกฎาคม หลังจากเปิดให้ชมต่อเนื่องมานับแต่เดือนกุมภาพันธ์

ขณะที่ “โรงถ่าย 3” นิทรรศการถาวรที่พาผู้ชมเข้าสู่โลกของการสร้างสรรค์และผลิตงานภาพยนตร์ จัดแสดง ณ อาคารสรรพสาตรศุภกิจ เป็นอีกหนึ่งนิทรรศการฯ ที่เปิดให้เข้าชม  ทั้งนี้พาเที่ยวชมหอภายนตร์ ชมนิทรรศการ โดย  Archival Time on Our Retina จากที่กล่าวนิทรรศการไม่เพียงย้อนกลับไปหาความทรงจำ แต่เป็นการเชื่อมโยงเวลาและเผยให้เห็นถึงความซับซ้อนของบริบทเชิงสังคมรอบตัว โดยนำเสนอผ่านผลงานของศิลปินร่วมสมัยของไทยที่นำฐานข้อมูลความทรงจำและประวัติศาสตร์จากฟุตเทจภาพยนตร์ร้อยเรียงเข้ากับการสร้างสรรค์ผ่านมุมมองแบบพหุทัศน์

“ทุกส่วนของนิทรรศการจึงเป็นการบอกเล่าเรื่องราวที่สะท้อนถึงการไหลเลื่อนของเวลา ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของกระแสสมัยผ่านเรตินา ที่กำลังประมวลผลสู่การแปลงสัญญาณในการเชื่อมโยงภาพและความทรงจำที่ เชื้อเชิญให้เข้าไปสำรวจในวงจรเวลา เสมือนแสงที่กระทบเรตินาบันทึกการเคลื่อนไหวที่มีการเปลี่ยนแปลงอันลึกซึ้งในมิติที่เหลื่อมซ้อนกันไปมาระหว่างสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า และสิ่งที่ผ่านพ้นไปด้วยการยืนหยัด เป็นส่วนหนึ่งของเส้นเวลาที่ไม่หยุดนิ่ง”

นิทรรศการประกอบด้วยผลงาน 4 ศิลปิน ได้แก่ นักรบ มูลมานัส,จุฬญาณนนท์ ศิริผล ,ไทกิ ศักดิ์พิสิษฐ์ และ อุกฤษณ์ สงวนให้ รวมถึงผลงานจากความร่วมมือของหอภาพยนตร์ x Rolling wild และ 8 นักทำหนัง ที่เรียบเรียงเนื้อหาจากหนังกำพร้า และการบันทึกสิ่งที่มีความหมายบางอย่างที่อาจถูกลืมเลือนไปในอนาคตผ่านฟิล์ม ประกอบกับการคัดสรรเสียงพากย์ในอดีตที่อยู่ในคลังของหอภาพยนตร์ ประกบลงบนหนังที่ทำขึ้นใหม่ ผลงานเหล่านี้ยังนำเสนอควบคู่ไปกับคลังภาพยนตร์สารคดี ข่าว โฆษณา ภาพยนตร์สมัครเล่น ภาพยนตร์สั้น และภาพยนตร์ทดลอง ซึ่งถูกคัดสรร ผ่านการมองเห็นและการรับรู้ที่ต่างเชื้อเชิญให้ไตร่ตรองถึงกระบวนการการมองภาพอดีต ปัจจุบัน และอนาคต  

ส่วน โรงถ่าย 3 นิทรรศการพาผู้ชมเข้าสู่โลกของการสร้างสรรค์และผลิตงานภาพยนตร์  แสดงให้เห็นถึงกระบวนการทำงานและคนทำงานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อย่างละเอียดทุกขั้นตอน ผ่านอุปกรณ์เครื่องมือทั้งอนาล็อกและดิจิทัล รวมถึงเทคโนโลยี interactive เพื่อให้ผู้ชมได้ปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาข้อมูลในนิทรรศการ ตั้งหัวข้อเรื่องนิทรรศการฯว่า “From Dreams to Reels” นำฝันของ เชิด ทรงศรี ผู้กำกับภาพยนตร์คนสำคัญซึ่งจะสร้างภาพยนตร์ “สงครามชีวิต” จากนิยายของ ศรีบูรพาที่เชิดบูชาเป็นเทพแห่งการประพันธ์  แต่ยังมิได้ทำจริงได้ แต่เขียนบทภาพยนตร์ทิ้งไว้นำมาทำให้เป็นจริงด้วยการลงมือถ่ายทำตามบทนั้น ผ่านฝีมือการกำกับของ สมเกียรติ์ วิทุรานิช ผู้กำกับร่วมสมัยที่ศรัทธาในสงครามชีวิตและศรีบูรพาเช่นกัน นิทรรศการนำกระบวนการถ่ายทำและขั้นตอนผลิตงานทั้งหมดมาสร้างประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ในรูปแบบนิทรรศการ เพื่อให้ได้ร่วมเรียนรู้ สนุกไปกับงานสร้างภาพยนตร์ ทั้งเห็นถึงอุดมการณ์  คุณค่าที่ศิลปินเพียรพยายามสร้างสรรค์งานศิลปะจากวรรณกรรมสู่ภาพยนตร์และจากภาพยนตร์กลับสู่วรรณกรรม เพราะศิลปะส่องทางให้แก่กัน.