ต้องยอมรับว่า มรสุมเดือน มิ.ย.หลากหลายเรื่องราว ยังคงดุเดือดร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ระดับภายในประเทศ หรือ ระดับโลก ถึงขั้น ยิงขีปนาวุธ พิสัยไกลหลายพันกิโลเมตร ตอบโต้กันข้ามประเทศ ระหว่าง อิสราเอล–อิหร่าน ที่สำคัญปัญหาสู้รบในตะวันออกกลาง จะบานปลายขยายวงไปมากน้อยแค่ไหน
ขณะที่เมืองไทย ตลอดสัปดาห์ การนำรัฐนาวาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีบริหารประเทศผ่านมา 10 เดือนเศษ เหลืออีก 2 เดือนจะครบ 1 ปี (เริ่มบริหาร 16 ส.ค. 2567) กำลังเจอสารพัดมรสุมปัญหาเข้ามาพร้อมๆกันหลากหลายด้านแบบครบครัน สังคม–เศรษฐกิจ–การเมืองทั้งในและระหว่างประเทศ ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องหนักใจของผู้เป็นบิดา “ทักษิณ ชินวัตร” ต้องเผชิญชะตากรรมอีกรอบ ปมรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ ยังตามมาหลอน
รัฐบาลผสม ภายใต้การนำของ พรรคเพื่อไทย ระยะเวลาเหลือเกือบ 2 ปี ก่อนจะครบวาระในปี 2570 นายกฯ แพทองธาร ยังต้องลุยฝ่ามรสุมพิสูจน์ฝีมือบริหารและการแก้ปัญหาชาติในยามภาวะวิกฤติเฉพาะหน้า โดยเฉพาะปมพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชา จากชนวนปัญหาปลายเดือนพ.ค. เหตุการณ์ทหารกองกำลังสุรนารี เกิดการปะทะทหารกัมพูชา เสียชีวิต 1 นาย บริเวณพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี
ตอนเกิดเหตุใหม่ ๆ สื่อนำเรื่องไปถามทักษิณ ตอบว่า ’คิดว่าน่าจะเคลียร์กันจบแล้ว เพราะผู้ใหญ่ทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีคุยกันรู้เรื่อง และทางทหารก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ผมและสมเด็จฮุน เซน พูดคุยกันเป็นประจำ เพียงแต่ขอทุกฝ่ายอย่าไปเติมเชื้อไฟ ให้เกิดการกระทบกระทั่งบริเวณชายแดน“
เวลาผ่านไปกว่า 2 สัปดาห์ จากมิตรเพื่อนบ้านที่ทักษิณพูดคุยกันประจำ แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นตอนนี้ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกฯกัมพูชา และบุตรชาย คือ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ชิงเหลี่ยมลากปัญหา ข้อพิพาทบริเวณพื้นที่ช่องบก, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ขึ้นสู่การพิจารณาของ ศาลโลก(ICJ) ตัดสินชี้ขาด โดยไม่ยอมนำเรื่องเข้าไปพูดคุยในการประชุม 14-15 มิ.ย.ที่ผ่านมา
แถมยกระดับเรียกร้องให้นานาชาติกดดันไทยยอมรับเขตอำนาจศาลโลก อีกทั้งงัดมาตรการตอบโต้ งดซื้อไฟฟ้า–อินเทอร์เน็ต, งดออกอากาศภาพยนตร์ ละครซีรีส์,ไม่นำเข้าสินค้าไทย, เรียกร้องแรงงานกลับ และให้ทหารพร้อมรบ ฯลฯ
ยามบ้านเมืองอยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน ความเป็นมืออาชีพของกองทัพไทย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทสส. เรียกประชุม ผบ.เหล่าทัพ ทั้งบก–เรือ–อากาศ–ตำรวจ ย้ำจุดยืน#oneteamทัพไทย ทุกเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมยืนเคียงข้าง กองทัพบก สนับสนุนในทุกมิติ ทุกระดับการปฏิบัติ เพื่อปกป้องอธิปไตย รักษาแผ่นดิน และคุ้มครองพี่น้องประชาชนไทย “WE ARE ONE WE WIN” เมื่อรวมใจเป็นหนึ่ง ไม่มีสิ่งใดที่ปกป้องไม่ได้
ทุกเหล่าทัพแสดงความพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อรับมือกับปัญหา เมื่อเหลียวไปมองความเป็นเอกภาพของ รัฐบาลแพทองธาร ยังวุ่นวายแต่เรื่องตำแหน่ง เก้าอี้รัฐมนตรี การปรับ ครม. เพียงแค่มุ่งหวังผลประโยชน์อำนาจของพรรคการเมืองตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองในยามที่กำลังเผชิญสารพัดปัญหา
ไม่ใช่เรื่องแปลก ตอนนี้หลายภาคส่วน เชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่า “กองทัพ” เป็นที่พึ่งพาของประชาชนได้ทุกสถานการณ์ ในยามประเทศชาติเกิดภาวะวิกฤติ!!.
………………………………………….
เชิงผา