แผ่นดินไหวยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง หลังคำวินิจฉัยของ ตุลาการศาล รธน. เมื่อ 10 พ.ย. 2564 ที่ร้องโดย นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดินและ 1 ใน 14 ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินกรณีการทุจริตของสหกรณ์คลองจั่น 400 ล้าน มติ 8 ต่อ 1 ให้การปราศรัย 10 ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันของม็อบราษฎร นำโดย นายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ที่เวทีธรรมศาสตร์ รังสิต เมื่อ 10 ส.ค. 63 ถือเป็นการล้มล้างการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขตาม รธน. ม.49 วรรค 1 และสั่งห้ามจำเลยทั้ง 3 กับกลุ่มองค์กร “เครือข่าย” เลิกการกระทำทันทีรวมทั้งในอนาคตด้วย ขณะข้อหาล้มล้างการปกครองถือเป็นกบฏ และมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต นายณฐพรเรียกร้องตำรวจ อัยการ ดำเนินคดีอาญากับทั้ง 3 ต่อทันที และ ยื่น กกต.ให้ยุบพรรคก้าวไกล อ้างว่า มีการสนับสนุนให้เงินและมี ส.ส.ก้าวไกลไปประกันตัวคนกลุ่มนี้

70 คณาจารย์ทำหนังสือคัดค้านคำวินิจฉัยที่ออกมา และถามกลับว่า นี่เป็นการล้มล้างการปกครองหรือล้มล้างสิทธิเสรีภาพของประชาชนกันแน่ 3 คณบดีคณะนิติศาสตร์ชี้ว่า เป็นคำวินิจฉัยที่ตีขลุมและคลุมเครือ ทำให้ไม่เห็นแสงสว่างในระบบกฎหมายและสังคมไทย

ขณะที่ นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาล รธน. ยืนยันว่า คำวินิจฉัยของศาล รธน. คือการออกมาเตือนและป้องปรามกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวให้ถอยกลับไม่ให้ลุกลามต่อโดยเชื่อว่า “เหตุการณ์จะสงบโดยเร็ว” พร้อมกับยืนยันไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอแก้ รธน.ม.112 ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับศาล รธน. บอกอีกว่า ตนเองก็เคยโดนขู่แต่พร้อมตายได้ทุกวัน ย้ำคำวินิจฉัยของศาล รธน.คือของจริง ไม่ใช่คำขู่ ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ก็พูดในโทนเสียงเดียวกันว่า เมื่อศาลวินิจฉัยออกมาแล้วถือว่าทุกอย่างจบสิ้น จบจริงหรือ?!?

แม้ทั้ง 2 คนนี้จะส่งสัญญาณแทนกลุ่มผู้ถืออำนาจรัฐ แต่วันรุ่งขึ้น ทั้งรุ้งและ 23 องค์กรนักศึกษา กลับออกแถลงการณ์ปฏิเสธกระบวนการไต่สวนและคำวินิจฉัยของศาล รธน. ยืนยัน 10 ข้อเรียกร้องไม่มีเจตนาล้มล้างสถาบัน ในโซเชียลมีเดีย คำว่า ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้าง มีคนทวีตเป็นล้านครั้งในวันเดียว สื่อต่างประเทศเล่นข่าวนี้อย่างอึกทึกครึกโครม อาทิ เวทียูเอ็น เรื่องสิทธิมนุษยชนยุโรปหลายประเทศและสหรัฐ เรียกร้องให้ไทยทบทวน ม.112

ผลคำวินิจฉัย ก่อเกิดม็อบพรึ่บที่แยกปทุมวัน ก่อนเดินขบวนไปยื่นหนังสือ “คัดค้านระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์” แม้จะเป็นวันหยุด ก็ยังมี จนท.ของสถานทูตเยอรมนีออกมารับคำร้อง นี่แสดงว่า ความสงบไม่ได้จบที่คำวินิจฉัยเลย ม็อบยังเดินหน้าและจุดติดอีกครั้ง และมันกำลังจะเป็นไปอย่างในแถลงการณ์ของ 23 องค์กรนักศึกษาที่ว่า กระแสลมกำลังจะทวีเป็นพายุในไม่ช้า

การยุบพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชนในอดีต เป็นการทดสอบความแข็งแกร่งของขั้วอนุรักษนิยมครั้งใหญ่ ขนาดทั้ง 2 พรรคชนะชนิดแลนด์สไลด์ เกิดกลุ่มคนเสื้อแดง แต่รัฐก็ปราบได้ราบคาบ แถม ทักษิณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มีแผ่นดินอยู่ การยุบพรรคอนาคตใหม่ แช่แข็ง ธนาธรปิยบุตรช่อ พรรณิการ์ 10 ปี ซ้ำรอยไทยรักไทย ก็ไม่เห็นมีอะไร จะยุบพรรคก้าวไกลหรือแม้แต่พรรคเพื่อไทยจากเรื่องหนุนแก้ไข ม.112 อีก จะเป็นไรไป นี่คือ ความเชื่อมั่นและย่ามใจที่เป็นอันตรายและพร้อมจะนำสังคมไปสู่การแตกหักต่างหาก ยิ่งม็อบไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล รธน. ยิ่งเปิดโอกาสให้ รบ. ทหาร 3 . ใช้เป็นข้ออ้างกวาดล้างกบฏได้เต็มที่ อย่างที่เครือข่ายกลุ่มนี้กำลังปูทางอยู่

อะไรจะเกิดหลังจากนี้ มันไม่ใช่เพราะ “ดวงดาวบนท้องฟ้า” ที่โหราจารย์ใหญ่ที่เพิ่งลาลับได้ทำนายไว้ตั้งแต่ 4-5 ปีที่แล้ว ราวตาเห็นว่า จะเกิดเหตุการณ์พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินเหมือนในอดีต แต่เพราะเป็นการต่อสู้ระหว่าง “เสรีนิยม” กับ “อนุรักษนิยม” แล้ว ยังเป็นการต่อสู้ระหว่าง “คนรุ่นใหม่” ที่เป็นผู้กุมอนาคตของชาติกับ “คนรุ่นเก่า” บ้าอำนาจ ไม่ยอมปล่อยวาง ใช้กฎหมายกดขี่ประชาชนอย่างบ้าคลั่ง ขณะโลกกำลังถูก “เซาะกร่อนบ่อนทำลายล้าง” ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ จนยากจะต้านทานได้ องค์กรไหนไม่ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย ย่อมสูญสลาย ไม่ช้าก็เร็ว นี่ต่างหาก เดิมพันครั้งใหญ่?!?

ไม่ได้ซาดิสต์อยากเห็น “สงครามกลางเมือง” แต่ไม่ได้วิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์เช่นกัน ใครเห็นสัญญาณยอมลงจากหลังเสือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับกลุ่มเครือข่ายบ้าง ช่วยบอกทีเถอะ.

——————
ดาวประกายพรึก