นายฮิกเมต ฮาจิเยฟ ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศระดับสูงของอาเซอร์ไบจาน ยืนยันว่า รัฐบาลบากูเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาระหว่างตุรกีกับอิสราเอล “มากกว่า 3 รอบ” เพื่อลดสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าเป็น “ภัยคุกคามต่อความมั่นคง”
“อาเซอร์ไบจานกำลังดำเนินความพยายามทางการทูต เพื่อบรรลุข้อตกลง ซึ่งทั้งตุรกีและอิสราเอลไว้วางใจเรา” ฮาจิเยฟ กล่าวกับนักข่าวชาวตุรกีในกรุงบากู
อนึ่ง การโค่นล้มอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากตุรกี ทำให้เกิดความกังวลด้านความมั่นคงในอิสราเอล และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อิสราเอลก็โจมตีหลายร้อยครั้งในซีเรีย โดยอ้างว่าเพื่อหยุดยั้งไม่ให้อาวุธล้ำสมัยตกอยู่ในมือของทางการชุดใหม่ของซีเรีย รวมถึงกล่าวหาว่า รัฐบาลอังการาพยายามเปลี่ยนซีเรียให้เป็น “รัฐในอารักขา” ของตุรกี ส่งผลให้เกิดความกลัวเกี่ยวกับการเผชิญหน้า
ในฐานะพันธมิตรใกล้ชิด และหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของตุรกี อาเซอร์ไบจานทำตัวให้สอดคล้องกับจุดยืนของรัฐบาลอังการาในประเด็นระหว่างประเทศที่สำคัญอยู่เสมอ รวมถึงเรื่องซีเรีย และในขณะเดียวกัน อาเซอร์ไบจานก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับอิสราเอล ซึ่งพึ่งพาน้ำมันของอาเซอร์ไบจานอย่างมาก และเป็นซัพพลายเออร์อาวุธรายใหญ่ของรัฐบาลบากู
ขณะนี้ รัฐบาลบากู ซึ่งติดต่อกับบรรดาผู้ปกครองซีเรียคนใหม่แล้ว กำลังผลักดันการทูตแบบเงียบ ๆ โดยอำนวยความสะดวกในการเจรจาทางเทคนิค ระหว่างตุรกีกับอิสราเอล
“เราจะประสบความสำเร็จ หากทั้งสองประเทศเห็นพ้องในโมเดลร่วมที่ต่างฝ่ายต่างเคารพความกังวลของกันและกัน” นายฟาริด ชาฟิเยฟ ประธานศูนย์วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในกรุงบากู กล่าว
ด้านนายซาอูร์ มัมมาดอฟ ประธานสโมสรนักรัฐศาสตร์กรุงบากู ระบุว่า อาเซอร์ไบจานกำลังรับ “บทบาทเชิงกลยุทธ์” ในการอำนวยความสะดวกการเจรจาระหว่างตุรกีกับอิสราเอล ในประเด็นเกี่ยวกับซีเรีย ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของอาเซอร์ไบจานในฐานะคนกลาง ท่ามกลางผู้มีบทบาทในภูมิภาค
ปัจจุบัน รัฐบาลบากูพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัฐบาลเยเรวานของอาร์เมเนีย ซึ่งหากประสบความสำเร็จ มันจะถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในภูมิภาคที่ผู้มีบทบาทหลายราย รวมถึงรัสเซีย และตุรกี ต่างแย่งชิงอิทธิพลกัน
ทั้งนี้ นายเซอร์กัน เดมีร์ทัส กล่าวว่า อาเซอร์ไบจานเข้ามาขัดขวางการปะทะที่อาจเกิดขึ้นระหว่างตุรกีกับอิสราเอล ในเรื่องความกังวลด้านความมั่นคงที่ไม่ลงรอยกัน เกี่ยวกับซีเรียหลังยุคอัสซาด
“การเผชิญหน้าระหว่างพันธมิตรที่ดีที่สุดสองประเทศในภูมิภาค เป็นสถานการณ์ที่อาเซอร์ไบจานไม่ต้องการเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ข่าวใหม่แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้า ซึ่งสิ่งนี้บ่งชี้ถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของอาเซอร์ไบจานในภูมิภาค หลังสงครามที่เขตนากอร์โน-คาราบัค” เดมีร์ทัส กล่าวทิ้งท้าย.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : AFP