หลังจากได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

“บิ๊กเอ” ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานโอลิมปิคไทยคนใหม่ ก็เดินหน้านโยบายที่หาเสียงไว้ทันที เริ่มจากเรื่องของการปรับเบี้ยเลี้ยงฝึกซ้อมของนักกีฬาทีมชาติไทย ที่ไม่ได้มีการปรับขึ้นมาอย่างยาวนานกว่า 16 ปี เดิม 600 บาท จะได้เป็น 900 บาท

รวมทั้งเงินรางวัลอัดฉีดจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ สำหรับนักกีฬาที่ได้รับเหรียญรางวัล จากศึกซีเกมส์ ซึ่งเหรียญทอง เดิมได้รับ 3 แสนบาท ก็จะเพิ่มเป็น 5 แสนบาท

เรื่องนี้เป็นที่น่าดีใจกับเหล่านักกีฬาไทย ที่ทาง “รมต.บอย” สรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ก็ออกมารับลูกทันที และพร้อมที่จะพิจารณาปรับปรุงแก้กฎระเบียบของกองทุนฯ เพื่อช่วยเหลือนักกีฬาอย่างเต็มที่

ดยจะพยายามทำให้ทันในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทย จะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 9-20 ธ.ค.นี้ ให้ได้

ส่วนอีกเรื่องที่ทุกฝ่ายเห็นด้วย ก็คือการช่วยเหลือด้านสวัสดิการให้กับอดีตนักกีฬาทีมชาติไทยและนักกีฬาทีมชาติไทย ชุดปัจจุบัน ที่เกิดการเจ็บป่วย จนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยบาล แต่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย

ซึ่ง “บิ๊กเอ” มองว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน จึงได้ตั้ง นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองเลขาธิการโอลิมปิคไทย เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขหลักเกณฑ์ โดยจะเดินหน้าเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำ “ประกันสุขภาพ” ดูแลนักกีฬาทีมชาติ ที่ได้สร้างคุณประโยชน์กับประเทศชาติต่อไป

ทั้งหมดที่บอกเล่ามา นับเป็นข่าวดีของนักกีฬาไทยทั้งสิ้น หากนโยบายของโอลิมปิคไทย ที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากองค์กรภาครัฐเป็นหลักเกิดความสำเร็จ ประโยชน์ย่อมเกิดกับนักกีฬาทั้งสิ้น

และนั่นก็จะเป็นเหมือนน้ำทิพย์ชะโลมใจให้นักกีฬาไทย ได้มีขวัญและกำลังใจ ที่จะสร้างผลงานกลับมาสู่ประเทศและกองเชียร์ชาวไทย ที่คอยเอาใจช่วยพวกเขาในทุกสนามแข่งขันนั่นเอง

ศรีเชลียง