ความจริงอันเจ็บปวดของ อาร์เซนอล คือต้องยอมรับว่าเรายังห่างจาก ลิเวอร์พูล อยู่หลายช่วงตัว หรือจะบอกว่าตามหลังอีกหลายปีก็ไม่ได้ผิด

เพราะหลายครั้งที่ผลการแข่งขันฟุตบอลไม่ได้สะท้อนรูปเกมที่เกิดขึ้น แต่กับความพ่ายแพ้ 4-0 เมื่อคืนนี้ ผลการแข่งขันเป็นกระจกบ่งบอกผลงานในสนามชัดเจน

อย่างไรก็ตามถึงจะแพ้ยับ แต่เชื่อว่าแฟนอาร์เซนอลส่วนใหญ่ไม่ได้กราดเกรี้ยว เผลอๆ ก็ทำใจไว้บ้างแล้วว่าจะโดนแบบนี้

ผมเองคือหนึ่งในนั้น ผมผิดหวังที่ทีมแพ้ แต่ก็ทำใจมาก่อน เพราะถ้าคุณดูบอลมาบ้าง คุณจะรู้ว่า ลิเวอร์พูล แกร่งในแอนฟิลด์แค่ไหน และเล่นกันเป็นระบบมากขนาดไหน

อาร์เซนอล ไม่แพ้ใคร 10 นัดติดต่อกัน มิเกล อาร์เตตา จัดทีมไม่ได้เหนือความคาดหมาย ยังคงยึดระบบ 4-4-2 มีการกลับมาของ โธมัส ปาร์เตย์ ที่เซอร์ไพร้ส์เพราะเพิ่งบาดเจ็บ จนเดิมทีไม่ได้ถูกคาดว่าจะลงตัวจริง เมื่อดูแล้วก็คงเห็นว่าถูกเข็นลงสนาม เพราะร่างกายยังดูไม่ฟิตอยู่มาก

รูปเกมสู้ไม่ได้แต่แรก ลิเวอร์พูล ครองบอลได้ดีกว่า ที่สำคัญไล่เพรสซิ่งได้ดีกว่ามาก อาร์เซนอล แทบไม่มีโอกาสต่อเกมขึ้นมา พอจะเริ่มตั้งลำก็เสียบอล ทำได้แค่พยายามฉกฉวยจากการโต้กลับที่ดีแค่ช่วงแรก แต่พอโดนเม็ดแรก เม็ดสองจากนั้นก็เป็นอันว่าเลิก

ผมคิดว่าการปลุกปั้นลูกทีมให้มีความเข้าอกเข้าใจในรูปแบบการเล่นแบบ ลิเวอร์พูล มันก็ย่อมต้องใช้เวลาหลายปี และนั่นคือสิ่งที่ อาร์เตตา ยังห่างจาก คลอปป์ คือ “เวลา” เพื่อสร้างทีม

อย่าลืมด้วยแกนหลัก อาร์เซนอล ชุดนี้อายุน้อยมาก ค่าเฉลี่ย 11 คนแรกไม่เกิน 25 ปี สมิธ โรว์, ซากา, โลก็องกา, ตาวาเรส, โทมิยาสึ, ไวท์, แรมส์เดล ล้วนเพิ่งอายุ 20 ต้นทั้งสิ้นๆ

ผมเห็นด้วยกับ แจ็ค วิลเชียร์ ที่บอกว่าถ้าคุณใช้ทีมที่เต็มไปด้วยเด็กหนุ่ม สิ่งที่ขาดหายไปคือประสบการณ์ และคุณไม่สามารถคาดหวังได้พวกเขาจะโชว์ฟอร์มสม่ำเสมอทั้งฤดูกาล

ในลีกที่เขี้ยวลากดินแบบนี้ การจะโดน ลิเวอร์พูล หรือ แมนฯ ซิตี ไล่ตบสัก 4 หรือ 5 เม็ด ไม่ใช่เรื่องน่าเสียใจ สิ่งที่สำคัญกว่าคือฟอร์มการเล่นที่ยังดูมีอนาคต ไม่ใช่ดูแล้วอ่อนอกออกใจ แล้วจากนี้ค่อยไปหวังกับการเอาชนะทีมอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือไม่ห่างกันเท่าไร

อาจจะผิดหวังอยู่บ้าง แต่ทุกเส้นทางย่อมมีอุปสรรคเป็นธรรมดา.