ในแวดวงกีฬาเกือบทุกประเภท มักจะมีการแบ่งแยกเป็นระดับมือโปร เล่นกีฬาชนิดนั้น ๆ เป็นอาชีพทำมาหาเลี้ยงปากท้อง กับระดับมือสมัครเล่น มีแค่บางประเภทที่เปิดโอกาสให้มือสมัครเล่นร่วมแข่งขันในรายการของมืออาชีพได้
แต่ล่าสุด เรื่องของมือสมัครเล่นในทัวร์นาเมนต์ของมือโปร กลายเป็นประเด็นฮือฮาไปทั้งวงการสอยคิวโลก เพราะมีแต่ “เบอร์ต้น ๆ” ของวงการออกมาพูดเรื่องนี้
เรื่องของเรื่องคือในศึกสอยคิว ยูเค แชมเปี้ยนชิพ หนึ่งใน 3 รายการใหญ่ที่กำลังสอยคิวกันอยู่ในเวลานี้ ชอน เมอร์ฟี อดีตแชมป์โลก 1 สมัย ดันพลิกพ่าย ซี เจียฮุย มือสมัครเล่นจากจีน 5-6 เฟรม ตกรอบแรกแบบสำเพ็งไหม้
แถม อีกหนึ่งอดีตแชมป์โลกอย่าง “จิงโจ้มหาภัย” นีล โรเบิร์ตสัน ก็โดนมือสมัครเล่นตบร่วงรอบแรกไปอีกราย
ว่าแล้ว เมอร์ฟี เจ้าของฉายา “เดอะ เมจิคเชียน” จึงออกมาสับแหลกว่าจริง ๆ แล้ว มือสมัครเล่นไม่ควรได้มาแข่งในรายการของมืออาชีพ เพราะมือสมัครเล่นย่อมได้เปรียบ เนื่องจากไร้ความกดดันเรื่องแพ้ชนะ เงินรางวัล และคะแนนสะสมเหมือนที่มืออาชีพต้องเจอ
ภาษาสนุกเกอร์เรียกว่าแทงแบบ “หลังว่าง” ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ…
ถามว่า แล้ว ซี เจียฮุย มาแทงในรายการของมืออาชีพได้อย่างไร? แถมยังเป็นรายการใหญ่เสียด้วย…
เรื่องของเรื่องคือ “เวิลด์ สนุกเกอร์” มีกฏที่เรียกว่า “ท็อป-อัพ” ซึ่งเปิดโอกาสให้มือสมัครเล่นลงแข่งในรายการของมืออาชีพได้ หากบรรดาโปรที่ได้สิทธิ์แข่งเกิดถอนตัว ซึ่งกฏนี้ใช้กับทุกทัวร์นาเมนต์ในรายการสะสมคะแนนโลก
แต่ฝีหนองแห่งความไม่เห็นด้วยของพวกมือโปร มาแตกโพละในศึกใหญ่อย่าง ยูเค แชมเปี้ยนชิพ นี่เอง
สิ่งที่ เมอร์ฟี พูด ได้รับเสียงสนับสนุนจากนักสอยคิวชั้นนำของโลกหลายคน อย่าง มาร์ค เซลบี มือ 1 โลก อดีตแชมป์โลก 4 สมัย ก็เห็นด้วย บอกว่าไม่อย่างนั้นจะมี คิว สคูล เอาไว้ทำไม ขณะที่ มาร์ค เจ วิลเลียมส์ อดีตแชมป์โลก 3 สมัยจากเวลส์ ถึงกับส่งข้อความไปหา เจสัน เฟอร์กูสัน ประธานเวิลด์สนุกเกอร์ ว่าเรื่องนี้ต้องได้รับการแก้ไข
มีแค่ “เดอะ ร็อคเก็ต” รอนนี โอซุลลิแวน เท่านั้นที่บอกว่าอย่าไปซีเรียส เพราะสนุกเกอร์ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต ทุกวันนี้เขาเล่นสนุกเกอร์เป็นงานอดิเรกเพื่อความสนุกเท่านั้น และถ้า เมอร์ฟี เล่นสนุกเกอร์แล้วไม่สนุกแบบนี้ ก็ไปหาอย่างอื่นทำดีกว่า
แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว สำหรับ รอนนี สนุกเกอร์อาจเป็นแค่งานอดิเรก แต่เพราะนั่นคือ รอนนี แต่กับอีกหลาย ๆ คน สนุกเกอร์ เป็นชีวิต มันคืออาชีพของผู้เล่นเหล่านั้น ดังนั้นพวกเขาย่อมมีสิทธิ์พูดเมื่อเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง
เพียงแต่ว่าจังหวะในการออกมาพูดมันไม่เหมาะ และเชื่อแน่ว่าถ้ากลับกันเป็น เมอร์ฟี ชนะ ซี เจียฮุย แล้วออกมาพูดเรื่องนี้ เจ้าตัวน่าจะได้รับการสนับสนุนมากกว่านี้อีกเยอะ
มันเป็นการพูดเรื่องจริง เพียงแต่ผิดที่ผิดเวลาไปหน่อยเท่านั้น…
ผยองเดช
