พอใกล้ถึงเทศกาลสำคัญช่วงท้ายปีของชาวตะวันตกและผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ เกือบทั่วโลกก็อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของการเฉลิมฉลอง ตามพื้นที่สาธารณะในนานาประเทศมักมีการตกแต่งประดับประดาตามธรรมเนียมเทศกาล แม้ในยามที่สถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลกยังคงสร้างความยากลำบากในการใช้พื้นที่สาธารณะ ก็ยังคงมีหน่วยงานหรือกลุ่มคนจำนวนมากที่พยายามสร้างสีสันและความสดใส สดชื่นสู่บรรยากาศโดยรวม

หากใครเคยชมภาพยนตร์ประจำเทศกาลคริสต์มาสยอดนิยมเรื่อง Home Alone 2 : Lost in New York ย่อมจำได้ว่า ต้นคริสต์มาสหน้าตึกร็อคกี้เฟลเลอร์คือสถานที่สำคัญของเรื่อง เพราะเป็นจุดที่หนูน้อยซึ่งเป็นตัวเอกในเรื่องได้พบกับแม่ของเขา หลังจากพลัดหลงกันในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่เมืองนิวยอร์ก

ในปีนี้ พิธีเปิดไฟประดับต้นคริสต์มาสยักษ์หน้าอาคารร็อคกี้เฟลเลอร์จัดขึ้นในวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีผู้มารอชมอย่างแน่นขนัด แม้จะมีข่าวคราวการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” ก็ไม่อาจขวางกั้นความรู้สึกอยากเฉลิมฉลองของผู้คนได้

ธรรมเนียมการตั้งต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่พร้อมของประดับตกแต่งหน้าอาคารร็อคกี้เฟลเลอร์ ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งเทศกาลคริสต์มาสนี้ เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1931 ซึ่งเป็นยุคเศรษฐกิจตกต่ำของประวัติศาสตร์อเมริกัน และตึกร็อคกี้เฟลเลอร์ยังสร้างไม่เสร็จด้วยซ้ำ ซึ่งคนงานที่ทำงานก่อสร้างในยุคนั้นนั่นแหละ ที่เป็นผู้ดำริการตั้งต้นคริสต์มาสในวันคริสต์มาสอีฟ โดยใช้ต้นสนขนาดเล็ก สูงเพียง 6.1 เมตร ประดับด้วยผลเบอร์รี่และพวงมาลัยทำจากกระดาษ

ส่วนต้นคริสต์มาสหน้าตึกที่ถือว่าเป็นต้นคริสต์มาสของร็อคกี้เฟลเลอร์อย่างเป็นทางการนั้น ปรากฏตัวในเวลาสองปีถัดมา ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่า สูงกว่า (15 เมตร) และการประดับประดาที่สวยงามกว่าด้วยแสงไฟประดับสีต่างๆ และทางอาคารก็ได้ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของทุกปี ว่าจะต้องมีการตั้งต้นสนและประดับประดาอย่างสวยงามให้เป็นต้นคริสต์มาสประจำตึก และต่อมาก็กลายเป็นสัญลักษณ์การเริ่มต้นของเทศกาลแห่งความสุขของคนในนิวยอร์ก โดยพิธีเปิดไฟประดับต้นคริสต์มาสนี้ จะทำกันในตอนค่ำวันพุธถัดจากวันขอบคุณพระเจ้าของทุกปี

สำหรับต้นคริสต์มาสหน้าตึกร็อคกี้เฟลเลอร์ในปีนี้ ใช้ต้นสนสายพันธุ์นอร์เวย์จากเมืองเอลค์ตัน รัฐแมริแลนด์ มีความสูง 24 เมตร อายุ 85 ปี และมีน้ำหนัก 12 ตัน ส่วนยอดสูงสุดของต้นคริสต์มาส ประดับด้วยดวงดาวของสวารอฟสกี้หนัก 900 ปอนด์ โดยพิธีเปิดไฟประดับครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 89 แล้ว และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วม หลังจากงดไปในปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด โดยผู้เข้าร่วมต้องสวมหน้ากากอนามัยและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด.

แหล่งข้อมูล :

https://en.wikipedia.org/wiki/Rockefeller_Center_Christmas_Tree

https://www.6sqft.com/the-history-of-the-rockefeller-center-christmas-tree-a-nyc-holiday-tradition/

เครดิตภาพ : Getty Images