สเปอร์ส ร่วงลงไปอยู่ถึงที่ 8 ตอนที่ตัดสินใจปลด นูโน เอสปิริโต ซานโต เมื่อเดือนที่แล้ว แต่ตอนนี้ พวกเขาอยู่ห่างจากพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 แต้ม และมีเกมในมือ 1 นัด

อันโตนิโอ คอนเต เข้ามาคุมทีมในลีกเพียง 4 นัด พาทีมชนะได้ถึง 3 นัด เสมอ 1 นัด ยังไม่แพ้ใคร เก็บได้ 10 คะแนน จาก 12 คะแนน หลังจากที่ก่อนหน้านั้น 10 นัด นูโน พาทีมเก็บได้ 15 คะแนน จากเต็ม 30 คะแนน

ไม่ใช่แค่คะแนน และอันดับที่ดีขึ้น แต่ทุกอย่างภายในทีมก็ดูเหมือนจะเป็นไปในทางบวก

ก่อน คอนเต จะเข้ามา สเปอร์ส หาโอกาสยิงตรงกรอบในเกมลีกไม่ได้ถึงมากกว่า 3 ชั่วโมง เกมรุกที่เคยเป็นจุดเด่น กลายมาเป็นปัญหา แฮร์รี เคน ที่ฤดูกาลก่อน เป็นดาวซัลโว ฤดูกาลนี้กลับยิงได้แค่ลูกเดียว

ภายในเวลาแค่ไม่กี่เกม การที่ คอนเต พาทีมกลับมาเข้าที่เข้าทางได้เร็วขนาดนี้ เป็นข้อพิสูจน์อีกครั้งว่าเขาคือของจริง และ สเปอร์ส น่าจะเลือกถูกคน

เม็ดเงินมหาศาลที่ทุ่มลงไปอาจคุ้มค่าก็ในคราวนี้

เกมกับ นอริช สเปอร์ส ครองบอลน้อยกว่าด้วยซ้ำ แต่สร้างโอกาสทำประตูได้มากมาย มีโอกาสยิงเข้ากรอบเกือบ 10 ครั้ง และปล่อยให้นกขมิ้นยิงตรงกรอบแค่ครั้งเดียว

แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งอาจเพราะเป็น นอริช ซึ่งเป็นทีมอันดับสุดท้าย แต่รูปเกมที่เหนือกว่าทุกอย่าง จนได้ชัยชนะในแบบที่เรียกว่า “สบายเท้า” ที่สุดในฤดูกาล ทำให้แฟน สเปอร์ส กลับมายิ้ม และมีความหวังในแววตากันอีกครั้ง

ความจริงเกมนี้ สเปอร์ส มีปัญหาตั้งแต่ลงสนาม เพราะ เอเมอร์สัน โรยัล หายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ต้องส่ง จาเฟต แทนกานกา ลงมาเป็นวิงแบ๊กทางขวาแทน

นอกจากนั้น เล่นไปได้ไม่นาน วิงแบ๊กทางซ้ายอย่าง เซร์คิโอ เรกีลอน ซึ่งทำงานอย่างหนัก และขึ้นมาโดดเด่นในยุค คอนเต ก็เจ็บขึ้นมาอีก ทำให้ถูกเปลี่ยนตัวออก และต้องส่ง ไรอัน แซสเซญอง ลงมาเล่นแทน

คอนเต บอกตั้งแต่มาถึงสโมสรว่า เขาจะให้โอกาสแก่ทุกคน ซึ่งเขาก็ทำได้อย่างนั้น นักเตะหลายคนที่เหมือนถูกหลงลืมไปในยุคที่ผ่านๆมา ได้รับโอกาสกันอีกครั้ง และแต่ละคนก็พยายามฉวยโอกาสที่มาโดยไม่คาดคิดครั้งนี้กันอย่างสุดแรง

คนแรกที่ชัดเจนที่สุดก็คือ เบน เดวิส ที่อยู่ในช่วงที่เล่นดีที่สุดนับตั้งแต่มาอยู่กับทีมเลยก็ว่าได้ และกลายเป็นตัวหลักในแดนหลังไปแล้ว

ขณะที่ ดาวิซอน ซานเชซ ยังมีจังหวะผิดพลาดให้เห็นเป็นระยะ แต่มีศักยภาพ และความพยายาม จนเริ่มเข้าที่เข้าทาง แถมเกมนี้ เติมขึ้นมาทำประตูได้ด้วย เจ้าตัวจึงน่าจะมั่นใจมากขึ้น

คนต่อไปที่ คอนเต มีสิทธิจะทำให้กลับมาแจ้งเกิดก็คือ แซงเซญอง ที่เกมนี้ ตอนแรกที่ลงมาอาจจะดูตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่พอเพิ่มปรับตัวเข้ากับเกมได้ และมีจังหวะกระชากสวยๆก็เริ่มมั่นใจขึ้น จนเริ่มมองเห็นศักยภาพในตัว ที่เขาเคยถูกมองว่าเป็นถึงดาวรุ่งพุ่งแรงคนหนึ่งของอังกฤษ

ส่วน จาเฟต แทนกานกา ทางฝั่งขวา ครึ่งแรก ไม่ดีไม่แย่ และไม่มีงานมากนัก แต่ครึ่งหลัง โดน แบรนดอน วิลเลียมส์ พาทัวร์หลายครั้ง คอนเต มองเห็น และตัดสินใจเร็ว รีบส่ง แมตต์ โดเฮอร์ตี ลงมาแทน เป็นการแก้ปัญหาที่เร็ว และตรงจุด หลังจากนั้น วิลเลียมส์ แทบจะทำอะไรไม่ได้

ที่ได้คือ สเปอร์ส และ คอนเต ที่มีตัวเลือกในตำแหน่งวิงแบ๊กขวาขึ้นมาอีกคน

แดนกลาง และเกมรุก 5 ตัวบน เริ่มชัดเจน คอนเต ใช้ชุดนี้เป็นหลักมาตลอด และคงใช้ไปอีกสักพัก ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด

โอลิเวอร์ สคิปป์ ยิ่งเล่นยิ่งเด่น จากเกมที่แล้ว ที่เริ่มเห็นมิติในเกมรุก มาเกมนี้ ยิ่งชัดเจนมากขึ้น กล้าเลี้ยงกินตัวขึ้นมาจ่ายหรือยิงเองบ่อยครั้งขึ้น

เห็นแล้วนึกถึง นิโกโล บาเรลลา ของ อินเตอร์ มิลาน ที่ คอนเต เคยปั้นจนกลายเป็นตัวหลักทีมชาติอิตาลีไปแล้ว

ลูคัส มูรา มีประตูสุดสวย ที่สำคัญมาก เพราะมาเร็ว และมาตอนเกมยังสูสี ซึ่งทำให้เพื่อนเล่นง่ายขึ้นมา ซน ฮึง มิน ก็มีประตู 2 นัดติดต่อกัน และเป็นประตูในสไตล์ที่แฟน สเปอร์ส คุ้นเคย และอยากเห็น เพราะมาจากการทำทาง ต่อเกมกันสวยๆหลายจังหวะ

แฮร์รี เคน ติดๆ ขัดๆ เหมือนเดิม ส่วนหนึ่งอาจเพราะพยายามอยากจะพิสูจน์ตัวเองมากเกินไป แต่สภาพร่างกาย และความฟิต ดีขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่นาน กลับมาถล่มประตูได้แน่

ข้อดีที่สุดอีกอย่างคือเป็นอีกเกมที่คลีนชีต ซึ่งทำให้เท่ากับว่า 4 เกมในลีกที่ คอนเต คุมทีม สเปอร์ส เสียไปแค่ประตูเดียว และนี่แหละคือจุดเริ่มต้นของผลงานที่ดีขึ้นทั้งหมด

โดยรวมถือว่า คอนเต เข้ามาปรับ สเปอร์ส ได้เร็วเกินคาด ตอนนี้ ในทีมมีแต่ความมั่นใจ นักเตะทุกคนรู้ดีว่าตัวเองมีโอกาส และทำตัวเองให้พร้อมที่จะฉวยโอกาส

โมเมนตั้มในทีมจึงเป็นไปในทางบวก ยิ่งเห็นอันดับในตาราง ยิ่งเห็นโอกาสที่รออยู่ตรงหน้า ทุกคนพร้อมทำงานหนักต่อไป

จากที่ตอนแรกเป็นฤดูกาลที่ไร้ความหวัง ตอนนี้กลับมาเป็นฤดูกาลที่ตั้งความหวังได้แล้ว?

กัปตันเจมี