เรียกว่าเป็นซีรี่ส์ที่กำลังฮอตฮิตมาแรงในตอนนี้ สำหรับ “โลกิ (Loki)” จาก “มาร์เวล สตูดิโอส์” ที่กำลังฉายทาง ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์ (Disney+ Hotstar) กับการสานต่อและขยายจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่มาเวล โดยเล่าเรื่องราวต่อจากเหตุการณ์ใน “Avengers: Endgame”  เมื่อ “โลกิ”  เทพเจ้าแห่งความชั่วร้าย น้องชายของเทพเจ้าสายฟ้า “ธอร์” ได้ฉกเอา เทสเซอร์แรคต์ (TESSERACT) หนึ่งใน 6 อินฟินิตี้ สโตน ที่มีขุมพลังมหาศาลไป ระหว่างที่ทีม “อเวนเจอร์ส” ได้ย้อนเวลามารวมมณีเพื่อต่อสู้กับ “ธานอส” นั่นทำให้เส้นเวลาในโลกความเป็นจริงยุ่งเหยิง ร้อนถึงหน่วย “ควบคุมกาลเวลา (Time Variance Authority หรือ TVA)” ที่ทำหน้าที่คอยตรวจสอบดูความเรียบร้อยและความเป็นไป​ของเส้นเวลา ต้องมาจับ “โลกิ” ไปพิพากษา ก่อนที่เจ้าตัวจะถูกยื่นข้อเสนอกึ่งบังคับโดย “มอร์เบียส” ให้ร่วมมือกับองค์กร TVA เพื่อซ่อมแซมเส้นเวลาที่เสียหาย พร้อมล่าอาชญากรตัวร้าย โดยได้ ทอม ฮิดเดิลสตัน กลับมาสวมบท “โลกิ” อีกครั้ง และ โอเวน วิลสัน  มารับบท  “มอร์เบียส” เจ้าหน้าที่ตำรวจกาลเวลา  ร่วมด้วย กูกู มบาธา-รอว์, โซเฟีย ดิ มาร์ติโน, วุนมี โมซาคุ และ ริชาร์ด อี แกรนต์  ผลงานผู้กำกับ เคท เฮอร์รอน และได้ ไมเคิล วัลดรอน ผู้เขียนบท “Doctor Strange in the Multiverse of Madness” มารับหน้าที่เขียนบทซีรีส์เรื่องนี้ทั้ง 6 ตอน อำนวยการสร้าโดย เควิน ไฟกี

ซึ่งหลังฉายไปก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีตั้งแต่ใน EP แรก โดยในเว็บ Rotten Tomatoes นั้นคว้ามะเขือเทศสด ด้วยคะแนน 100%  นอกจากนี้ยังขึ้นแท่นเป็นคอนเทนต์ที่ถูกสตรีมมากที่สุดตั้งแต่มีดิสนีย์ พลัส ซึ่งตอนนี้มีสมาชิกทั่วโลกเกือบ 104 ล้านคนอีกด้วย ล่าสุด “บันเทิงเดลินิวส์” มีโอกาสเข้าร่วมงานแถลงข่าวออนไลน์ซีรี่ส์ “โลกิ” จึงไม่พลาดนำบทสัมภาษณ์ของ ทอม ฮิดเดิลสตัน และ โอเวน วิลสัน มาฝากแฟน ๆ กัน

Q : เริ่มที่ “ทอม” เมื่อสัก 2 ปีก่อน คุณอาจคิดว่าตัวเองได้รับบท “โลกิ” เป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นคุณก็ได้รับโทรศัพท์บอกว่า “โลกิ” กำลังจะมีการแสดง (ซีรี่ส์) เป็นของตัวเอง ตอนนั้นอะไรคือสิ่งที่อยู่ในใจของคุณ?

ทอม : อา…(หัวเราะ) ผมคิดว่ามันผสม ๆ กันระหว่างความดีใจกับประหลาดใจนะครับ ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นสิ่งที่อธิบายความรู้สึกได้ถูกต้อง ผมตื่นเต้นมาก ๆ และผมก็เกาหัวอยู่เหมือนกันนะ เพราะว่าซีนนั้นใน ‘อเวนเจอร์ส : อินฟินิตี้ วอร์ (Avengers: Infinity War)’ ให้ความรู้สึกเหมือนซีนสุดท้ายมาก  มันรู้สึกเหมือนเป็นบทสรุป ราวกับว่าเป็นตอนจบเรื่องราวของโลกิ แต่ผมรู้ว่า ‘อเวนเจอร์ส : เอ็นด์เกมส์ (Avengers: Endgame)’ นั้นกำลังใกล้เข้ามา แล้วซีนนั้นในภาพยนตร์ โลกิก็หยิบเทสเซอร์แรคต์ แล้วก็หายตัวไปในกลุ่มควัน และเขาไปที่กันล่ะ? เขาไปเมื่อไหร่? เขาไปที่นั่นได้ยังไง? แล้วเควิน , ลูอิส เดสโปซิโต และวิกตอเรีย อลอนโซ ทั้งหมดทุกคนทำให้ผมมั่นใจว่า นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของซีรี่ส์นี้ครับ มีหลายที่ที่เราสามารถไปได้ และมีความเป็นไปได้มากมายให้คิด จากนั้นผมก็ถึงเวลาที่เหมาะสม ทุกคนที่คุณเห็น ทั้งตรงนั้นตรงโน้นตรงนี้ เริ่มทำมันด้วยความกระตือรือร้น และมีความคิดที่ยอดเยี่ยมมากมาย พร้อมสร้างสรรค์ผลงานการแสดงครั้งใหม่ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ผมคิดว่ามันน่าตื่นเต้นมาก และผมก็มีความสุขที่ได้ทำมันครับ

Q : ยินดีต้องรับสู่ เอ็มซียู (MCU) คุณ “โอเวน”  คุณรู้สึกยังไงบ้าง ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ MCU นี้?

โอเวน : มันน่าตื่นเต้นมาก ๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเอ็มซียู เพียงแค่ได้เห็นการที่ตัวอย่างเริ่มปล่อยออกไป แล้วผู้คนก็พากันตื่นเต้นมาก ๆ  ผมได้พูดคุยเกี่ยวกับวิธีการทำงานในหลายสิ่งอย่าง และก็พวกความลับต่าง ๆ ที่แวดล้อมสิ่งเหล่านี้ ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นะ จนกระทั่งผมได้เห็นความกระตืนรือร้นและความหลงใหลของแฟนคลับที่มีเยอะกันมาก ๆ และมาร์เวลเองก็มุ่งมั่นในการพยายามทำให้ผู้คนรู้สึกเซอร์ไพร้ส์  แล้วจากนั้นคุณก็เข้าใจมันครับ

Q : “โลกิ” ดูเหมือนจะเป็นจอมวายร้ายที่โดนเข้าใจผิดนิด ๆ นะ คุณหวังว่าผู้ชมจะได้อะไรจากการขยายเรื่องราวของ “โลกิ” และคิดว่าการเติบโตของเขาจะหยุดลงในซีรี่ส์นี้มั้ย?

ทอม : เป็นคำถามที่ยอดเยี่ยมมากครับ สิ่งที่ผมชื่นชอบเกี่ยวกับซีรี่ส์นี้ คือการที่โลกินั้นถูกปลดออกจากทุกสิ่งที่เขาคุ้นเคย  เขาไม่ได้ใกล้ชิดกับ “ธอร์” แอสการ์ดก็ดูเหมือนห่างไกลออกไป ส่วนอเวเจอร์ส ในช่วงเวลานี้ก็ไม่ได้อยู่ในสายตา เขาถูกปลดออกจากสถานะ รวมถึงพลังของเขา และหากคุณนำสิ่งเหล่านั้น ที่โลกิเคยใช้เพื่อระบุตัวตนของเขาตลอดภาพยนตร์ทั้ง 6 เรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด ตัดทิ้งออกไป อะไรคือสิ่งที่ยังคงเหลืออยู่ของโลกิ? เขาเป็นใครกัน? และผมเองคิดว่าคำถามเหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจในการตั้งคำถามสำหรับเราทุกคน และหากมีบางอย่างที่เป็นอะไรที่แท้จริง หรือบางสิ่งที่เป็นศูนย์กลางของเขา เขาจะยังสามารถเติบโตต่อไปได้มั้ย? เขายังสามารถเปลี่ยนแปลงไปอีกได้มั้ย? และสิ่งที่เขาทำ ประสบการณ์ของเขาในทีวีเอ จะทำให้เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ลึกซึ้งว่าเขาอาจเป็นใครก็ได้รึเปล่า? จอมแปลงร่างผู้นี้ ที่ไม่เคยแสดงลักษณะภายนอกแบบเดิม ๆ ซ้ำสอง ผมหวังว่าผู้ชมจะสนุกไปกับสิ่งที่พวกเราพาไปครับ

Q : สำหรับ “โอเวน” หลังจากหลายปีที่ผ่านมา คุณนั้นแสดงผลงานแนวคอมมาดี้และดราม่า คุณโดนโน้มน้าวใจยังไง ถึงได้มาร่วมแสดงในภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่นี้?

โอเวน :  ผมไม่ได้โดนโน้มน้าวใจมากมายนักหรอกครับ จริง ๆ แล้วมันเป็นการสนทนาระหว่างเคทและผมที่เกิดขึ้น มันเป็นการคุยที่โทรศัพท์ที่ครอบคลุมมาก ทั้งเรื่องที่เคทพาผมไปพบกับไอเดียในการแสดงนี้ รวมทั้งไดนามิกระหว่างมอร์เบียสกับโลกิ มันเป็นการโทรฯ เข้ามาที่น่าดึงดูดใจจริง ๆ แล้วผมก็คิดว่าผมได้เซ็นสัญญาตกลงไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

Q :  ตอนนี้ตัวละคร “โลกิ” เป็นหนึ่งในคาแรกเตอร์ที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดใน MCU แล้ว มันมีผลต่อการแสดงของคุณยังไงบ้าง?

ทอม : ผมเพียงแค่รักในการแสดงตัวละครนี้ครับ และผมก็รู้ว่าโชคดีมากที่ผมยังคงอยู่ที่นี่ และยังคงมีแง่มุมใหม่ ๆ ของตัวละครนี้ในทุกครั้งที่ได้เรียนรู้ ผมคิดว่าเขาเป็นตัวละครที่มีช่วงที่กว้าง ดังนั้นมันเลยไม่เคยรู้สึกเหมือนได้รับประสบการณ์เดิม ๆ เลย โดยเฉพาะการแสดงในครั้งนี้ ผมถูกล้อมรอบด้วยผู้คนที่น่าทึ่ง มันไม่มีอะไรที่ผมไม่เข้าใจเลย การพูดคุยทั้งหมดของผม ทั้งกับเควิน , เคท เฮอร์รอน และ ไมเคิล วัลดรอน รวมทั้งการมีปฏิสัมพันธ์กับโอเวน , กูกู มบาธา-รอว์ และ วุนมี โมซาคุ พวกเรามีช่วงเวลาที่มาก ๆ เลยครับ  และผมก็คิดว่าเป็นเพราะความซับซ้อนของโลกิ บางทีทุกครั้งเขานั้นอยู่ในการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ มีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้น ใช่ครับ ผมแค่ทึ่ง คุณชอบเรื่องตลกแบบนี้เหรอ? (หัวเราะ) โลกิเองก็ค่อนข้างเซอร์ไพร้ส์ด้วยสิ่งเหล่านั้นนะ

Q :  “มอร์เบียส” และ “โลกิ” ได้ก่อร่างสร้างสายสัมพันธ์ที่พิเศษกันขึ้นมา พวกคุณทำอะไรเบื้องหลังฉาก เพื่อสร้างสิ่งเหล่านี้บ้างมั้ย มาเริ่มที่คุณ “โอเวน” กันก่อน?

โอเวน : ผมคิดว่า เราเคยคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ ก่อนที่เราจะเริ่มถ่ายทำ ทอมใจดีและก็อดทนมาก ๆ ในการพาผมเข้าสู่ตำนานเรื่องราวของเอ็มซียูและโลกิทั้งหมด พวกเราเรียกมันว่าการสอนแบบบรรยาย โลกิ (เลคเชอร์ โลกิ) มีการอนุญาตให้ผมได้ถามคำถาม และผมก็คิดว่านี่เป็นสิ่งที่สำคัญมากจริง ๆ และช่วยในเรื่องไดนามิกของเราได้ในตอนที่เราเริ่มถ่ายทำซีนต่าง ๆ เนื่องจากบางบทสนทนาของเรา เมื่อเราพูดถึงเรื่องต่าง ๆ เหล่านั้นน่าจะได้ผล ดังนั้นมันมีประโยชน์มากครับกับการที่ผมได้ไปโรงเรียนโลกิ ก่อนที่เราจะเริ่มถ่ายกัน

Q : ทอมล่ะ?

ทอม : มันเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจมากในการพยายามย่นย่อบีบอัดประสบการณ์ในช่วงเวลาของผมในเอ็มซียู กับหนังทั้ง 6 เรื่อง และมอร์เบียส ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโลกิ เขารู้ทุกอย่างมากยิ่งกว่าที่โลกิรู้ซะอีก ดังนั้นผมเลยพยายามช่วยเหลือโอเวนด้วยความทรงจำบางส่วนและประสบการณ์ของผม  โอเวนถามได้อย่างลึกซึ้งแหลมคม มีคำถามที่ชาญฉลาดที่ทำให้ผมต้องคิดใหม่มากมาย รวมทั้งมุมมองของตัวละคร และการที่พวกเขาทำสิ่งเหล่านี้ ผมคิดว่าการสนทนาของเราได้ค้นพบเส้นทางที่จะเขาสู่ฉากต่าง ๆ ด้วยตัวมันเองนะ มันเป็นที่ดีจริง ๆ ในการพูดคุยโต้ตอบกันนั้น เนื่องจากพวกเขามีบทสนทนาที่ค่อนข้างเข้มข้น พวกเราเคยคุยกันเกี่ยวกับเรื่องความรู้สึกที่เหมือนกับการแสดงนิด ๆ โอเวนก็แบบ ‘คุณรู้มั้ย  นี่มันเป็นความรู้สึกเหมือนอย่างที่แสดงเลย’  ผมคิดว่าบางที มันอาจมีต้นตอของความคิดเหล่านี้ปักหลักอยู่ใจของโอเวน ผมไม่รู้เหมือนกัน บางทีเขาอาจอยากพูดเรื่องนั้นนะ (หัวเราะ)

โอเวน : มันมากยิ่งกว่าต้นตอความคิดอีกครับเมื่อคุณให้ผมอ่าน 6-7 บทของการแสดง แต่จริง ๆ แล้วมันเหมือนเกมการแข่งขันหมากรุกเล็ก ๆ  ระหว่างมอร์เบียสและโลกิมากกกว่านะ ดังนั้นมันก็ทำนองแบบ พยายามที่จะยืนตั้งมั่นอย่างเท่าเทียมกับเทพเจ้าแห่งความชั่วร้าย โดยผมต้องพึ่งพาอิทธิพลที่น่ายำเกรงของทีวีเอ ที่เป็นเบื้องหลังผม และนั่นแหละครับที่ค่อนข้างน่ากลัว  ซึ่งโลกิเองก็ชัดเจน การเล่นบทไล่จับกัน ผมคิดว่าซีนพวกนั้นทีมงานสนุกกันมาก และเราก็สงสัยเหมือนกัน เพราะพวกเขาถ่ายทำเป็นแบบลองเทค และนั่นที่มันเริ่มรู้สึกเหมือนที่แสดง แต่ผมคิดว่าพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความหวัง ความตึงเครียด และก็อารมณ์ขัน พวกเขาสนุกในการถ่ายทำมาก ๆ เลยครับ

Q :  ท้ายสุดคำถามสำหรับ “ทอม” อะไรทำให้คุณประหลาดใจที่สุด เกี่ยวกับฐานแฟนคลับที่น่าทึ่งของ “โลกิ”?

ทอม : ไม่ต้องสงสัยเลยครับ สำหรับเหตุผลที่ผมยังคงได้รับโอกาสในการแสดงเป็นโลกิต่อนั้น เป็นเพราะเขามีความหมายต่อหลายคนอย่างชัดเจน และด้วยเหตุผลมากมายที่แตกต่างกัน ซึ่งนั่นมันน่าทึ่งมาก และก็ทำให้ผมปลื้มใจมาก ผมคิดว่านั่นเป็นเกียรติมาก ๆ นะครับ และเมื่อเวลาผ่านไป ผมก็ได้ตะหนักถึงสิ่งที่แตกต่าง ที่เขาเป็นตัวแทนสำหรับผู้คน บางคนสนุกไปกับความขี้เล่นของเขา ความเป็นตัวเองโดยธรรมชาติ และความชั่วร้ายที่เขามีโดยนิสัย บางคนก็สนุกไปกับการเป็นตัวร้ายที่มีระดับ  บางทีบางคนก็อาจทนกับเขาไม่ได้ ผมไม่รู้เหมือนกัน (หัวเราะ) แต่ผมรู้ว่ามีบางคนนั้นถูกดึงดูดใจต่อความอ่อนแอที่อยู่ภายใต้เสน่ห์นั้น ซึ่งผมคาดว่านะ ความขี้เล่นก็เป็นความความอ่อนแออย่างนึง บางอย่างมันอาจรู้สึกเชื่อมโยงกับความเป็นมนุษย์ ที่เกี่ยวข้องกับความอ่อนแอ และผมเป็นหนี้บุญคุณของนักเขียนจริง ๆ ครับ ผมเป็นหนี้บุญคุณทุกคนเลยที่เขียนคาแรกเตอร์นี้ขึ้นมา ทั้งในหนังสือการ์ตูน เริ่มจาก สแตน ลี และ แจ็ค เคอร์บี้ ต่อด้วย เจ ไมเคิล สแตร็คซินสกี้ ไปจนถึง แดเนียล คิบเบิลสมิธ รวมทั้งผมเป็นหนี้บุญคุณ ดอน เพย์น ผู้เขียนบทภาพยนตร์ “ธอร์” เรื่องแรกด้วย มันเป็นการทำงานที่ยอดเยี่ยมสุด ๆ ในการสร้างโลกิด้วยคาแรกเตอร์ที่น่าสงสารแบบนั้น  และจาก ดอน ไปจนถึง ไมเคิล พร้อมด้วยทีมงานที่น่าทึ่ง ทั้ง อีริก มาร์ติน,  บิชา เค. อาลี , เอลิซซา คาราสิก รวมทั้ง ทอม คอฟฟิน พวกเขานั้นได้รวมหัวช่วยกันคิด เกี่ยวกับคาแรกเตอร์นี้ ผมรู้สึกว่ามันเป็นเกียรติมาก ๆ ครับ

ใครที่คิดถึงฝีมือการแสดงของ  ทอม ฮิดเดิลสตัน  และ โอเวน วิลสัน  รวมทั้งเรื่องราวของเทพเจ้าตัวร้าย เจ้าเสน่ห์ และการเติบโตของเขา  อย่าพลาดติดตามในซีรี่ส์ “โลกิ” ทาง ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์  ซึ่งบอกเลยว่าพีคทุกตอน และขยายจักรวาลมาร์เวลออกไปอย่างมาก  รวมทั้งยังได้เปิดตัวตัวร้ายใหม่ในเฟส 4 ได้แบบน่าขนลุก สมการรอคอย ซึ่งล่าสุดหลังจากจบ EP 6 ทาง “มาร์เวล” ก็ได้คอนเฟิร์ม การสร้างซีรี่ส์ “LOKI”  ในซีซั่น 2 แน่นอนแล้วอีกด้วย!

ภาพ (Photo courtesy) : Disney+ / Marvel Studios