ข้อมูลศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วประเทศในภาพรวมว่ามีผู้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่ 28 ก.พ.-7 ธ.ค. 64 จำนวน 95,879,742 โด๊ส

ต่อมา 8 ธ.ค. 64 พญ.สุมณี วัชรสินธุ์ ผู้ช่วยรองโฆษก ศบค. แถลงว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ “โอไมครอน” เพิ่มอีก 2 ราย (รายที่ 2-3) โดยผู้ติดเชื้อเป็นหญิงไทยอายุ 46 และ 36 ปี อาชีพล่าม ประจำคริสตจักร เดินทางไปร่วมประชุมตัวแทนคริสตจักร ประเทศไนจีเรีย ช่วง 13-23 พ.ย. 64 และกลับมาประเทศไทย โดยผู้ติดเชื้อ 2 ราย ยังไม่ฉีดวัคซีน

ในวันเดียวกัน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)

ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยหลังการประชุม กกร. ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบจาก “โอไมครอน” ส่งผลให้หลายประเทศกลับมาใช้มาตรการจำกัดการเดินทาง จำกัดกิจกรรมอีกครั้ง ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยทั้งการส่งออกและบริการ ฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในเดือน พ.ย. 64

แต่ “โอไมครอน” อาจทำให้การฟื้นตัวต่อจากนี้ไปได้รับผลกระทบและต้องล่าช้าออกไป โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่งเริ่มรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังการเปิดประเทศเมื่อ 1 พ.ย.64 ดังนั้น “โอไมครอน” จึงกลายเป็นความเสี่ยงใหม่ต่อเศรษฐกิจโลกในช่วงต้นปี 65 นอกเหนือจากความท้าทายที่มีอยู่เดิม

อย่างไรก็ตามภาคเอกชนเห็นว่าไม่ควรตื่นตระหนกเกินไป ทุกภาคส่วนควรปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ซ้ำเติม เนื่องจากบทเรียนการล็อกดาวน์มีต้นทุนต่อเศรษฐกิจและสังคมสูงมาก ทั้งผลกระทบจากการหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กับการบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนและผู้ประกอบการ

พยัคฆ์น้อย” สรุปว่า กกร. ออกมาส่งสัญญาณเตือนรัฐบาลว่า “โอไมครอน” คือปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจในปีหน้า ดังนั้นรัฐบาลต้องมีมาตรการป้องกันที่รอบคอบรัดกุม อย่ามัวแต่เพ้อ! ว่าจะปิดจ๊อบฉีดวัคซีนครบ 100 ล้านโด๊สภายในปี 64

ถ้าจะโชว์ผลงาน 100 ล้านโด๊ส รัฐบาลต้องชี้แจงให้ละเอียดว่าเป็นวัคซีนเชื้อเป็น เชื้อตาย จำนวนเท่าไหร่ ใครบริจาควัคซีนมาบ้าง รวมทั้งประชาชนกี่ล้านคนต้องควักเงินซื้อวัคซีนฉีดเอง แถมต้องฉีดแบบไขว้กันมั่วไปหมด

เนื่องจากปัญหาใหม่กำลังมา แม้ว่าแพทย์หลายคนจะให้ความเห็นว่า “โอไมครอน” ไม่รุนแรงเท่า “เดลตา” แต่ พล.. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข อย่าประมาทเป็นอันขาด!

โอไมครอน” อาจไม่ทำให้ผู้ป่วยถึงขั้นตาย แต่ “โอไมครอน” จะนำไปสู่การคร่าชีวิตผู้คนด้วยพิษเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) กำลังรอวันตายเพราะขาดสภาพคล่อง อาจต้องปิดกิจการถึง 40% จะทำให้มีคนตกงานอีก 1-2 ล้านคน (ข้อมูลหอการค้าไทย)

ขณะที่กระทรวงการคลังรายงานหนี้สาธารณะสิ้นเดือน ต.ค.64 เดือนแรกของงบประมาณปี 65 หนี้สาธารณะอยู่ที่ 9.46 ล้านล้านบาท (58.76% ของจีดีพี) โดยมีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นจาก ก.ย. 64 จำนวน 1.3 แสนล้านบาท มาจากการกู้เพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณปี 65 รวมทั้งหนี้ครัวเรือน ก.ค. 64 พุ่งแตะ 14.13 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 18 ปี ทางด้าน “สวนดุสิตโพล” รายงานเมื่อ พ.ย.64 ว่าคนไทยมีหนี้เฉลี่ยครัวเรือนละ 1.24 ล้านบาท ส่วนใหญ่หนี้บัตรเครดิต และหนี้ส่วนบุคคล

ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องที่ยังหนักอึ้ง แล้วมากระทบกับ “โอไมครอน” ยิ่งทำให้เศรษฐกิจไทยจมดิ่ง กู่ไม่กลับ!!.


——————
พยัคฆ์น้อย