“ไรเดอร์” อาชีพอิสระยอดฮิตที่คนตกงานหันมาทำกันจำนวนมาก มีหน้าที่คอยวิ่งรับส่งอาหารให้ลูกค้าตามที่สั่ง มีเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นได้ เพียงแค่มีรถจักรยานยนต์สักคันกับโทรศัพท์มือถือก็ทำงานได้แล้ว สำหรับพวกเขาเหล่านั้นชีวิตมันไม่ง่ายเลย ต้องเสี่ยงอันตรายบนท้องถนนเพราะต้องเร่งรีบไปส่งอาหารให้ทันเวลา ใบหน้าที่เกรียมแดด เนื้อตัวที่ชุ่มด้วยเหงื่อ ไหนจะเจอกับลูกค้าหลากหลาย วันดีคืนดีโดนลูกค้าเท แต่จะทำยังไงได้ เพราะเกิดมาจนก็เลยไม่มีทางเลือกมากนัก

นายพงษ์สิทธิ์ โกรดประโคน อายุ 30 ปี ก็เป็นไรเดอร์อีกคนที่จำเป็นต้องมาทำอาชีพนี้ วันหนึ่งมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพพงษ์สิทธิ์ขณะขี่รถส่งอาหาร และที่ท้ายรถจักรยานยนต์ซึ่งถูกต่อเป็นคอกกั้นใช้ผ้าคลุม มีลูกชายตัวน้อยนอนดูการ์ตูนจากมือถืออยู่ พร้อมเขียนชื่นชมถึงความรักของพ่อที่มีต่อลูก แม้จะลำบากแต่ก็ต้องสู้ทนทำงานไปด้วยเลี้ยงลูกไปด้วย จนหลายคนเรียกพงษ์สิทธิ์ว่า “ไรเดอร์พ่อลูกอ่อน”

พงษ์สิทธิ์ เล่าว่า ได้ร่วมชีวิตกับนางวันเพ็ญ ร่องน้อย อายุ 30 ปี ภรรยา มานานกว่า 10 ปี มีพยานรักเป็นลูกชาย 2 คน คนโตอายุ 4 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 ส่วนคนเล็กอายุ 1 ขวบ 4 เดือน อาศัยอยู่กันในบ้านชั้นเดียวไม่มีเลขที่ บ้านถนน ต.เมืองที อ.เมือง จ.สุรินทร์ ถึงแม้จะฐานะยากจน แต่เราก็สู้ชีวิตตั้งใจทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูก โดยภรรยาเป็นพนักงานบริษัทรถแห่งหนึ่ง ตนจึงต้องวิ่งรถและเลี้ยงลูกไปด้วย อย่างน้อยให้ได้ค่าแพมเพิส ค่านมในแต่ละวันก็ยังดี

ทุกวันนี้นอกจากผมจะทำงานและเลี้ยงลูกเองแล้ว ยังหาความรู้เพิ่มเติมโดยลงเรียนอยู่ที่วิทยาลัยสารพัดช่าง สาขาช่างยนต์อีกด้วย เพราะหวังจะได้มีวิชาติดตัวเพื่อเป็นทางเลือกในการประกอบอาชีพ ส่วนสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นกล่องนอนของลูกที่ติดอยู่ท้ายรถ ผมก็คิดทำขึ้นมาเองโดยใช้เหล็กอ๊อกประกอบชิ้นส่วนให้แข็งแรงสามารถถอดออกได้ด้วย เวลาจะออกวิ่งรับออร์เดอร์ก็จะต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมทั้งเบาะนอน ขวดนม แพมเพิสและมีขายึดสำหรับติดโทรศัพท์ให้ลูกได้นอนดูคลิปดูการ์ตูน

“ผมคิดถึงความปลอดภัยของลูกต้องมาก่อน จะใช้ความเร็วแค่ 20-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแค่นั้น เวลาที่รถวิ่งไปเรื่อยๆ ลูกก็จะนอนหลับ เราจะไปทุกที่ด้วยกันและผมก็จะรับออร์เดอร์ไม่มากเพราะห่วงลูก ถามว่าสงสารลูกไหม คนเป็นพ่อก็ต้องสงสารทำไงได้ บางทีวิ่งรถไปน้ำตาไหลไป ลูกนิสัยน่าจะเหมือนผมคือต้องอึด ผมก็คิดว่าทำไมผมจะเลี้ยงลูกไม่ได้ ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ก็แค่ท้องเองไม่ได้เท่านั้น”

ไรเดอร์พ่อลูกอ่อน กล่าวต่อว่า หลายคนสงสัยว่าทำไมผมไม่จ้างคนเลี้ยงลูก หรือเอาลูกไปฝากเลี้ยงให้อยู่เป็นที่ บอกได้เลยว่าทุกอย่างมีค่าใช้จ่าย ฝากเลี้ยงอย่างน้อยก็เดือนละ 4 พันบาท ครอบครัวก็มีค่าใช้จ่ายมาก มาคิดเฉลี่ยดูแล้วเลี้ยงเองดีกว่ายังไงก็ลูกของเรา จากที่เห็นข่าวบางคนเอาลูกไปฝากเลี้ยงก็มีปัญหาเยอะแยะ เพียงแค่ผมจัดเวลาให้ดี เวลาที่ต้องดูลูกอาจจะวิ่งงานได้ไม่มาก พอภรรยาเลิกงานกลับมาบ้านผมก็จะรับลูกคนโตและพาคนเล็กไปส่งให้เขาช่วยดูต่อ แล้วผมก็จะมาสปีดงานได้ช่วงนั้น

ด้านนางวันเพ็ญ กล่าวว่า ทุกวันนี้ตนไปทำงาน เห็นสามีกับลูกก็รู้สึกสงสาร บางครั้งน้ำตาไหลออกมา เคยคิดที่จะลาออกมาเลี้ยงลูกเอง แต่เมื่อปรึกษากันแล้วคิดว่าต้องมีคนที่เป็นหลักมีรายได้ประจำอยู่เพราะภาระมันเยอะ ต้องช่วยกัน เมื่อเลิกงานมาหรือวันไหนหยุดตนก็จะรับหน้าที่เลี้ยงลูกเอง

พงษ์สิทธิ์ กล่าวเสริมอีกว่า ผมคิดว่าเมียตั้งท้องมา 9 เดือนก็ลำบากแล้ว จะปล่อยให้เขาเลี้ยงลูกคนเดียวไม่ใส่ใจก็ไม่ได้ ถ้าอยู่บ้านเลี้ยงลูกอย่างเดียวเขาจะเครียด เอาเป็นว่าผมมาวิ่งงานแบบนี้หาเงินซื้อนมซื้อแพมเพิสดีกว่า ช่วงเช้าผมจะวิ่งตั้งแต่ลูกตื่นก็ประมาณ 10 โมงเช้า จนถึงช่วงเย็น รายได้ประมาณ 100-200 บาทเท่านั้น ทำไงได้เด็กน้อยต้องมีเวลากินนมพร้อมทั้งเวลาขับถ่ายอีก เย็นมาภรรยาก็เลี้ยงลูกต่อจึงไปวิ่งรับออร์เดอร์ลูกค้าได้จนถึงเที่ยงคืน

“ที่มีผู้หวังดีมาถ่ายรูปแล้วเอาภาพผมไปโพสต์จนเป็นข่าวก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เห็นใจและอยากจะช่วยผม มีคนติดต่อเข้ามาจะบริจาคให้ผมหลายรายแต่ผมขอปฏิเสธไป เพราะไม่ได้เดือดร้อนมากมาย และไม่อยากให้มีดราม่า แค่อยากให้ลูกค้าโทรฯ เรียกใช้บริการมากกว่า ผมสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยคิดฝันเกินตัว ขอเพียงแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเท่านั้นก็พอ” ไรเดอร์พ่อลูกอ่อน กล่าวทิ้งท้าย

คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : วิจิตร-เขมชาติ ชุณหกิจขจร จ.สุรินทร์
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่ [email protected]
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” เพิ่มเติมได้ที่นี่…