ดูอะไรดีขอแนะนำซีรี่ส์ตีแผ่กระบวนการยุติธรรม “One Ordinary Day” (วันถึงฆาต) ที่เข้ากันกับบ้านเราสุด ๆ หลังมีหลายคดีที่การตัดสินดูเหมือนจะไม่ตรงใจประชาชนทั่วไป ฉายทาง Viu

แรงดึงดูดแรกของซีรี่ส์ One Ordinary Day คือการกลับมาอีกครั้งของพระเอกคนดัง “คิมซูฮยอน” ที่ผลงานระยะหลังเสียรังวัดไปเยอะ ทำให้หลายคนเอาใจช่วยให้เขากลับมาเจิดจรัสอีกครั้งกับ “วันถึงฆาต” กับบท “คิมฮยอนซู” ไม่รู้ผู้กำกับหรือคนเขียนบทตั้งใจใส่ Easter Egg อะไรเอาไว้ตรงชื่อของเขากับตัวละครหรือเปล่า เพราะมีความคล้ายคลึงกัน แตกต่างแค่สลับพยางค์เท่านั้น

แรงดึงดูดที่ 2 ของ One Ordinary Day นี่คือผลงานรีเมคจากซีรี่ส์ขึ้นหิ้งแดนผู้ดี Criminal Justice ที่ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปผลิตซ้ำในหลาย ๆ ประเทศ และล่าสุดกับดินแดนกิมจิ

ถ้าแค่นี้ยังโน้มน้าวให้ตัดสินใจดูไม่ได้ มีอีก 2 ข้อมูลที่น่าสนใจ ก็คือซีรี่ส์เรื่องนี้มีความยาวแค่ 8 ตอน ถือเป็นความยาวที่กำลังดีกับยุคสมัยปัจจุบัน ไม่สั้นเกินไป แต่ก็ไม่ยาวเกินไป นอกจากนั้นยังมีพากย์ไทยด้วย ใครไม่ชอบอ่านซับไตเติ้ล ดูกันได้อย่างสบายใจ

โดยภาพรวมแล้ว นี่เป็นซีรี่ส์ที่ดูสนุกมาก ๆ ให้ความบันเทิงสุด ๆ สำหรับผู้เขียน เพราะเป็นคนชอบซีรี่ส์แนวกฎหมาย ต่อสู้ด้วยการว่าความกันในศาลอยู่แล้ว ด้านการแสดงต้องบอกว่านักแสดงแต่ละคนทำผลงานโดยส่วนตัวกันได้ค่อนข้างดี เคมีความเข้ากันของตัวละครก็อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ แต่ที่โดดเด่นสุด ๆ เห็นจะได้แก่ “ชาซึงวอน” ที่รับบทเป็นทนายความชั้น 3 “ชินจุงฮัน” ซึ่งแย่งซีนทุกคนไปหมดแทบทุกครั้งที่เขาออกจอ อย่างไรก็ดี “โรคภูมิแพ้” โรคประจำตัวของ ชินจุงฮัน ที่ผู้สร้างพยายามยัดเยียดใส่เข้าไปในซีรี่ส์เรื่องนี้ ถือเป็นคำถามที่ผู้เขียนยังคิดคำตอบไม่ออกว่า ใส่เข้าไปทำไม โดยส่วนตัวรู้สึกว่า มันเหมือนแมลงวันที่คอยบินมาตอมสร้างความน่ารำคาญสุด ๆ

ขณะที่ตอนจบของเรื่องก็ดูมีความรีบ ๆ ไม่รู้เพราะซีรี่ส์ถูกวางเอาไว้แค่ 8 ตอนหรือเปล่า ถึงต้องตัดต่อให้จบในระยะเวลาที่กำหนด การบิ้วท์อันต่อเนื่องยาวนานมาถึง 7 ตอนจนต้องยอมรับว่าพีคสุด ๆ แถมแอบมีสร้างคำถามใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้ชมสับสนด้วย แต่สุดท้ายก็ถูกโยนทิ้งไปดื้อ ๆ แล้วเฉลยตอนจบกันง่าย ๆ ประหนึ่งตามตื้อสาวตั้งนานไม่รับรักสักที บทจะยอมเป็นแฟน อยู่ ๆ ก็ยอมกันง่าย ๆ เลย มันทำให้จังหวะอารมณ์สะดุดอยู่พอสมควร เอาจริง ๆ ถ้าขยายเป็น 10 ตอน แล้วใช้เวลาอีก 2 ตอนให้ผู้ชมได้ดูตอนคลายปมที่ถูกผูกเอาไว้ให้หนำใจกว่านี้หน่อย ซีรี่ส์จะมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ให้เวลาผู้ชมได้ทำความคุ้นเคยกับ “คิมฮยอนซู” เวอร์ชั่นใหม่ให้มากกว่านี้หน่อย เพื่อที่ตอนจบของซีรี่ส์ซึ่งทำเอาไว้ได้ดีมาก ๆ มันจะดียิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าเลยทีเดียว

สุดท้ายคงบอกได้แค่สั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า “ต้องดู” สำหรับ One Ordinary Day จะได้มาช่วยกันเสียดายในตอนท้ายว่า ถ้าขยี้อีกหน่อย ให้เวลาเพิ่มอีกหน่อย จาก 4 ดาว อาจกระโดดไป 5 ดาวได้เลย.

วุฒิ พิศาลจำเริญ