เชื่อว่าคอเพลงหรือคนฟังเพลงทั้งหลายจะต้องเคยฟังเพลงของนักร้องหนุ่มสุดฮอตอย่าง นนท์ ธนนท์ มาสัก 1-2 เพลงแน่นอนเพราะทุกเพลงของเขาได้รับการตอบรับที่ดีมากๆจากแฟนๆ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเรื่องงานเท่านั้น แต่ในด้านเรื่องส่วนตัว เจ้าตัวก็ยังเป็นอีกหนึ่งคนที่แฟนๆชื่นชมทัศนคติของเขาอย่างมากและพากันซัพพอร์ตเขาเสมอ เพราะนอกจากเขาจะร้องเพลงเพราะๆให้เรามีความสุขแล้ว เขายังมอบพลังและแรงบันดาลใจดีๆให้คนรอบข้างได้นำไปใช้ต่อด้วย

วันนี้ yimyim จึงทนการเรียกร้องของแฟนๆไม่ไหวแล้วไปอัพเดทบทสัมภาษณ์ดีๆรวมถึงผลงานล่าสุดของหนุ่มนนท์มาฝากกัน ห้ามพลาดจ้า

ทักทายแฟนๆเดลินิวส์ออนไลน์สักหน่อย?

“สวัสดีครับ ผมนนท์-ธนนท์ นะครับมาฝากเพลงใหม่ชื่อเพลงว่า วันครบเลิก ครับชาว Dailynews Online”

ที่มาที่ไปของเพลงนี้มาจากไหนยังไง?

“เอาจริงๆวันครบรอบคนน่าจะอิ่มเอมกับมันเยอะแล้ว แต่นนท์กลับมองในมุมกลับกัน ว่าจริงๆในส่วนของวันครบรอบที่เราไม่มีเค้าอยู่ บางทีเราก็ทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้นเหมือนกันนะ พวกเรากลับเติบโตในช่วงเวลาที่เราเลิกกับใครสักคนไป กับช่วงเวลาเหล่านั้นมากกว่า แต่ว่าเพลงก็จะเล่าให้ทุกคนได้เข้าถึงง่ายขึ้น ตรงที่ว่า ในส่วนของเนื้อเพลงก็จะพูดถึงว่าในวันครบรอบที่ไม่มีเธอเนี่ย มันก็ถือว่าเป็นวันครบรอบใช่มั้ยในวันนี้ฉันอยู่ในที่ๆฉันเคยมากับเธอ วันนี้เคยเป็นวันที่เราคบกัน แต่พอวันนี้ไม่มีเธอ ในมุมกลับกัน เธออยู่ที่ไหน เธอคิดถึงฉันบ้างมั้ย ประมาณนั้น ก็เลยชื่อว่าวันครบเลิกแล้วก็ชื่อภาษาอังกฤษเราก็ชื่อ UNNIVERSARY”

เรื่องสังกัดทำไมถึงตัดสินใจมาอยู่กับ LOVEiS หลังหมดสัญญา?

“ทำไมเหรอครับ จริงๆเหตุผลมันง่ายและมันไม่ได้มีอะไรซับซ้อน อย่างแรกเลย คือตัวนนท์ไม่ได้ต้องการอะไรที่มันซับซ้อนอยู่แล้วครับ เราแค่อยากทำงานให้เต็มที่ที่สุด ผมไม่ได้มาทำงานเพื่อต้องการความสบาย แต่เราแค่อยากให้เค้าอำนวยความสะดวกกับชิ้นงานของเราให้มันมีคุณภาพมากขึ้น เพื่อคืนสู่คนฟังได้มากขึ้น แล้วทางเลิฟอีส เค้าก็พร้อมที่จะซัพพอร์ตในการทำงานของเราได้อย่างเต็มที่ เท่าที่คุยกัน แล้วก็ไม่มีอะไรเลยครับ เป็นที่แรกๆที่ติดต่อมา ในตอนนั้นมันมีอีกหลากหลายที่มากเลยฮะ แต่ว่า ผมรู้สึกว่าผมก็อายุ 25 ผมก็ยังมีเวลาที่จะลองผิดลองถูก และที่นี่เท่าที่ได้ลองคุยและได้เห็นระบบการทำงานก็ค่อนข้างที่ประทับใจ แล้วก็เท่าที่คุยกันในสิ่งที่ผมอยากทำ เค้าก็พร้อมที่จะซัพพอร์ต แล้วก็ให้อิสระมากในการทำงาน ไม่ใช่แค่กับผม แต่กับทุกๆศิลปินครับ”

ตัดสินใจเรื่องนี้นานหรือไม่?

“ไม่นานครับ แต่ใช้เวลา ซึ่งก็ไม่ได้นานเกินไป เพราะผมว่าจริงๆมันก็คือการคุยกันแหละว่าผมอยากทำแบบนี้นะ พี่ๆอยากทำแบบไหนบ้าง อะไรอย่างงี้ครับ เค้าก็แบบเหมือนรับฟังเรา แล้วก็โอเค เดี๋ยวพี่จะช่วยแบบนี้ น้องทำอะไรแบบนี้ ซึ่งตัวผมก็ยิ่งรู้สึกว่าเออโอเค มันน่าจะมีอีกหลายๆสเต็ปที่เราอยากให้คนได้เห็นนะครับ ที่แน่ๆก็คือในสองอัลบั้ม เดี๋ยวเราจะมีอัลบั้มที่ทำกับทางเลิฟอีสส่งมาให้คนได้ฟังกัน แต่ว่าก็ปฐมนิเทศด้วยเพลงนี้ไปก่อน (ยิ้ม)”

สำหรับวันครบเลิก พี่นนท์ได้มีการดีไซน์งานด้วยตัวเองทั้งหมดเลยไหม?

“แน่นอนจะต้องมีทีมครับ ยิ่งเป็นเพลงที่มีรายละเอียดเยอะขนาดนี้ แล้วก็การหาทีมที่ดีมาร่วมทำนี่ก็เป็นเรื่องที่จำเป็น เป็นปัจจัยสำคัญ การเลือกคนโปรดิวซ์เพลงก็สำคัญ เราเลยเลือกพี่เจนพัฒน์มาครับ ที่เค้าก็มีไอเดียอยู่แล้วที่เค้าอยากจะทำ ตัวนนท์ก็มีเรื่องราวที่อยากจะเล่า เราก็มาคุยเรื่องของ Direction เพลงกัน โอเคมันได้เป็นคอนเซ็ปเป็นวันครบเลิกนะ ที่ตัวผมรู้สึกมันน่าจะลองเล่าเรื่องนี้ดูอะไรอย่างงี้ ในขณะเดียวกันพี่เจนพัฒน์ก็มีมุมมองด้านดนตรีที่อยากทำให้เกิดความแตกต่างและหลากหลายมากขึ้นในวงการบ้านเรา (ค่ะ) ดนตรีมันก็มีความเข้มข้นมากขึ้น สีสันมากขึ้น แล้วก็เป็นสิ่งที่หลายๆอาจจะไม่เคนได้ยินจากผม นนท์ ธนนนท์ ยิ่งกลางปี ทุกคนจะได้ยินเพลงพิงใช่มั้ย ทุกคนก็อาจจะแบบนึกว่าผมแบบไปเวย์นั้น แต่จริงๆผมมองว่าผมไม่อยากให้ใครมากรอบผมอะ ว่าดนตรีผมจะต้องเป็นแบบไหน ผมอยากจะกรอบตัวเองว่าดนตรีผมเป็นแบบไหน ผมอยากจะบอกทุกคนด้วยตัวเองว่า โอเค ตอนนี้แนวดนตรีผมเป็นอย่างนี้นะ ผมทำสิ่งนี้อยู่ ทำฟังนี้ ผมอินสิ่งนั้น ผมอยากทำสิ่งนี้อยู่ อะไรอย่างงี้ ลองฟังกันดูนะ ชอบไม่ชอบยังไงบอกมา ในฝั่งของเราก็เลย ในปีนี้พอมันมีเพลงที่ทุกคนได้ฟังกันง่ายๆ พิงหรือแน่ใจมั้ยเนี่ยครับ ทำงานได้ดีเลย แล้วก็มันก็เลยเกิดเป็นเพลงที่ปลายปีนี้กับเพลงวันครบเลิกเนี่ย ก็เลยเป็นเพลงที่เราอยากจะพัฒนาตัวเองมากขึ้นด้วยครับ แล้วก็ขยายกรอบของคนฟังในการฟังเพลงด้วย ว่าจริงๆเพลงเศร้ามันไม่จำเป็นต้องช้าก็เศร้า ทุบอกชกตัวอะไรขนาดนั้น (ค่ะ) มันสามารถเศร้าแบบเข้าใจได้ เศร้าแบบเท่ได้ แบบคูลได้”

เพลงนี้มีใส่เรื่องราวของเราหรือประสบการณ์ส่วนบุคคลไปไหม?

“ผมว่ามีนะ ตัวผมเองเพราะว่ามันก็เป็นเรื่องที่พอคิดกันมามันก็คือแบบเรื่องนี้เลย เพราะผมรู้สึกมันก็มีช่วงเวลาที่เราเคยแชร์ เราเคยแชร์กัน เราเคยไปที่ที่เคยไปด้วยกัน แล้วพอท้ายที่สุดพอมันไม่ได้มีเค้าอยู่ตรงนี้แล้ว แต่เราอยู่ในที่เดิม ในวันเดิมเลย ในบรรยากาศเดิมๆ แต่ไม่มีเค้า เอ๊ะ มันก็แอบมีคำถาม แล้วเค้าตอนนี้เป็นยังไงนะ เค้าคิดเรามั้ย ในขณะที่เราคิดถึงเค้าอยู่ เออ มันก็เป็นคำถามที่คงไม่มีวันได้ถาม แล้วก็คงเป็นคำถามที่คงไม่มีวันได้คำตอบครับ”

เพลงนี้มีเอ็มวีไหม เรื่องราวเป็นอย่างไร?

“มี MV แล้วครับ กระแสดีเลยก็ขอบคุณคนฟัง ขอบคุณแฟนๆ ทีมงานเบื้องหลังทุกๆคนเลย มีหลายๆคนที่เต็มที่กับงานชิ้นนี้มาก แล้วก็ทำงานกันอย่างหนักจริงๆ ภายใต้ข้อจำกัดมากมายที่มันเพิ่มขึ้น หลังจากสถานการณ์อะไรเหล่านี้ ต้องเปลี่ยนมาทำงานออนไลน์ ในขณะเดียวกันเพลงนี้ก็ไม่ใช่เพลงที่ง่าย กว่ามันจะสร้างขึ้นมาได้ อย่างที่บอกว่ามันเต็มไปด้วยรายละเอียดที่มันจะต้องตัดสินใจกันอย่างดีมากๆจริงๆ เพราะฉะนั้นผมก็ต้องมีทีมที่ดีมากๆจริงๆ แล้วก็หลายๆคนทุ่มเทกับงานชิ้นนี้ครับ ก็เป็นกำลังใจที่ดีมากๆให้กับทีมงานทุกๆคน ขอบคุณคนฟังทุกๆคนมากเลย แล้วก็ได้ข่าวเพลงนี้เปิดเข้าสู่วิทยุแล้ว อะไรแบบนี้ ก็เริ่มได้ยิน นั่งบนรถมาก็ได้ยิน รวมไปถึงเข้า Trending เอย ได้ฟังมุมมองของแต่ละคนที่ฟังเพลงนี้แล้วประทับใจตรงไหนบ้าง ตีความไปเป็นยังไงบ้าง มีความ Creative เกิดขึ้นในชิ้นงาน ตัวผมก็ยิ่งดีใจ เพราะว่ามันเป็นอะไรมากกว่าเพลงทันทีเลยเมื่อทุกคนต่อยอดมันแบบนั้น”

อย่างที่รู้กันดี ปีนี้คือเราประสบปัญหาเรื่องโควิดเยอะขึ้น รูปแบบการทำงานในเพลงนี้และเพลงอื่นๆ แผนในอนาคตของพี่นนท์ต้องวางเผื่อไว้หรือเปลี่ยนไปไหมคะ?

“อย่างแรกเลย ยากโคตรเลยครับการทำงาน สุดๆไปเลย คือจากที่ยากอยู่แล้ว คือมันยาก เอาง่ายๆ สมมติทำเดโม่มาหนึ่งตัว เราควรจะได้มานั่งในที่เดียวกัน ฟังผ่านลำโพงเดียวกัน Vibe แบบเดียวกัน บรรยากาศแบบเดียวกัน เพื่อจะได้ตัดสินใจ แล้วก็ชี้ Direction ของชิ้นงานได้อย่างตรงจุด การที่มันต้องแยกกันไปฟังที่บ้านน่ะ แล้วลำโพงแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บรรยากาศของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนฟังที่บ้านบ้าง ผมโอ้โห มอ’ไซค์ผ่านบ่อยมากครับ อะไรแบบนี้ มันทำให้การทำงานมันยากครับ เพราะว่าชิ้นงานเพลงของเราก็.. งานของนนท์มันเป็นงานที่นนท์ตั้งใจอยู่แล้วอะ เพราะฉะนั้นในส่วนของการตอบสนองความประทับใจแรกมันจำเป็นกับการทำงานเบื้องหลัง ซึ่งมันยากมากจริงๆครับ”

ปีหน้าเรื่องเพลงของพี่นนท์จะมีเซอร์ไพร้ส์อะไรไหม?

“ตอบตรงๆเลยไม่รู้ พูดตรงๆเลยเราไม่รู้ แต่ถามว่าเรามีเพลงที่เราทำไปก่อนแล้วมั้ย เรามีครับ ผมมีเพลงที่เรากำลังทำในอัลบั้มอะไรอยู่แล้วครับ เพราะฉะนั้น เรามีหลากหลาย Source มากที่อยากจะให้ทุกคนได้ฟังกัน รวมไปถึง แน่นอนว่า ตัวนนท์ก็ไม่ได้เป็นศิลปินที่ตีกรอบตัวเอง ว่า โอเค วันนี้ทุกคนชอบในการที่เราร้อง Pop, Soul, R&B แล้วเนี่ย เราจะต้องทำสิ่งนี้ไปตลอด ตัวผมรู้สึกผมเปิดโอกาสให้ตัวเองได้พัฒนา ได้เรียนรู้ ได้ฟังสิ่งใหม่ๆอยู่ตลอด แล้วก็เปิดโอกาสให้ตัวเองไม่อยู่กับที่ เพราะฉะนั้นผมเลยตอบไม่ได้เหมือนกันในอนาคตมันจะมีแนวอะไรยังไง แล้วแต่ว่าตัวผมไปเจออะไรยังไง แล้วผมรู้สึกผมอยากจะเล่ามันมั้ย อะไรอย่างงี้ครับ”

พี่นนท์ถูกชมหนักมากในแฮชแท็กชื่อส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องทัศนคติและความคิด รู้สึกอย่างไรบ้างที่คนชื่นชมขนาดนี้?

“ก็เขินเหมือนกันนะ เหมือนการต้องมาบอกว่าตัวเองมีดียังไงเลย (ยิ้ม) หลักๆไม่เลยครับ ผมก็แค่พยายามพูดในทุกสิ่งที่มันเป็นอยู่แล้วผมไม่ได้พูดอะไรเกินจริงเลย ถูกมั้ย ผมก็พูดในสิ่งที่มันก็เป็นแค่นั้นอยู่จริงๆอะ มันเป็นแบบนั้นมาตลอด อย่างที่ผมบอกว่า คนเรามันผิดกันได้ มันเป็นปกติ ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เป็นผู้นำที่ดีมากในการเรียนรู้ ในการพัฒนา ความผิดพลาดเนี่ยเป็นครูที่ดีที่สุด เป็นครูที่..แค่สะกิดเราแล้วลุกเลยอะ อะไรอย่างงี้ แล้วก็ในขณะเดียวกันก็ค่อนข้างที่จะชอบให้ผู้คนเข้าใจในความเป็นธรรมดาของทุกคนน่ะเพราะว่าจริงๆ เราก็มนุษย์ เรามีความรู้สึกมีอะไรแบบนี้ เวลาที่ใครรู้สึกดาวน์อยู่ แล้วรู้สึกว่ามองคลิปวิดีโอของเราที่เราบอกว่า ก็รู้สึกไปเลยหรืออะไรไปเลย”

“จริงๆผมไม่ได้พูดอะไรเว่อร์เลย ผมพูดสิ่งที่มันเป็นแบบนั้นอยู่จริงๆ ก็ในเมื่อเราเศร้า เราผิดหวังอยู่ ก็เศร้าให้เต็มที่ ผิดหวังในเต็มที่ เพราะความรู้สึกเหล่านี้คือสิ่งที่ตอกย้ำว่าเราเป็นมนุษย์จริงๆ เรายังมีความรู้สึกอยู่ แล้วทำไมเราต้องไปเลี่ยงที่จะไม่เป็นมนุษย์อะ หรือการผิดพลาดมันก็เป็นปกติ ถ้าเกิดมาแล้วไม่ผิดพลาดเลย ทำทุกอย่างถูกต้อง อันนั้นไม่เรียกมนุษย์เราเรียกเทพนะถ้าอย่างงั้น เพราะฉะนั้น ตราบใดที่เกิดเป็นมนุษย์ การเรียนรู้ การผิดพลาด การรู้สึกกับทุกสิ่ง ไม่ว่าบวกหรือลบมันเป็นปกติของมนุษย์ เพียงแต่ว่า รู้สึกได้แต่อย่านาน เพราะทุกอย่างไม่ได้อยู่ไปตลอด ซึ่งสิ่งนี้ก็เห็นมั้ยครับที่ผมพูดเนี่ย ก็ไม่ใช่สิ่งที่พิเศษอะไรเลย ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ผมไม่เข้าใจว่าทำไมน้อยคนที่จะไม่เห็นถึงความ เป็น อยู่ คือ ของมันอย่างแท้จริงอะไรครับ”

อย่างพี่นนท์เรียกว่าผ่านงานมาหลายแบบ แล้วหลายๆอย่างเช่น ถ้าสมมุติเป็น Commentator ก็ต้องมีทั้งคนที่โอเคกับคนที่ไม่โอเค พี่นนท์จัดการความรู้สึกหรือเรื่องราวต่างๆที่เข้ามาจนมีความเข้มแข็งกับทัศนคติที่ดีแบบนี้ได้ยังไง?

“โอ้โห ผมไม่ได้พยายามเข้มแข็งหรืออะไรเลยครับ ผมแค่ทำงาน ผมแค่ทำหน้าที่ ทำสิ่งที่ผมได้รับผิดชอบให้ดี แล้วก็ขอบคุณคนที่สนับสนุนให้ได้มากที่สุด ผมทำแค่นั้น แล้วก็เออจะว่ายังไงล่ะ พูดยังไงให้เป็นคนในวงการบันเทิงพูดกัน พูดง่ายๆคือผมไม่ได้ใช้ชีวิตตามสิ่งที่คนอื่นพูดน่ะ ผมไม่ได้อยู่เพื่อรองรับเรื่องราวเลย ในขณะเดียวกันผมพยายามกระจายสิ่งดีๆที่ผมมีให้คนอื่น แล้วก็พยายามลดสิ่งที่ไม่ดีของตัวเองให้น้อยลง เพราะอันนั้นเราทุกคนมีอยู่แล้วฮะ เราแค่ลดสิ่งที่ไม่ดีเพิ่มสิ่งที่ดี แล้วก็กระจายมันออกไป เพื่อให้ท้ายที่สุดเราได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีแค่นั้นเลย ผมไม่ได้ใช้ชีวิตตามขี้ปากคน ก็เลยไม่ได้ต้องพยายามทำให้เข้มแข็งหรืออะไร แค่พยายามใช้ชีวิตในทุกๆวัน ผมว่าแค่นี้ก็ยากแล้วนะ คนที่ใช้ชีวิตทุกวันๆได้ก็เก่งแล้วนะ เอาจริงๆ ยิ่งทุกวันนี้ที่มันมีวิกฤติการณ์อะไรต่างๆ เต็มไปด้วยข้อจำกัดมากมายในการใช้ชีวิตแบบเดิม แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นดาราด้วยมั้ง ก็เลยรู้สึกว่าไม่ได้จะต้องไปโฟกัสในเรื่องที่มันไม่ได้ต่อยอดงานของเรา เราแค่อยากทำงานให้ดีให้เต็มที่ เพื่อให้คนที่เค้ารอผลงานของเรา เค้าได้รู้สึกแบบไม่ผิดหวัง แค่นั้นก็ยากแล้วนะ”

สมมุติเป็นมุมพี่นนท์เอง พี่นนท์จะเชิญชวนคนที่อาจจะมีความรัก หรือว่าอาจที่จะอกหักอยู่ ให้มาฟังวันครบเลิกยังไงดีคะ?

“ก็จริงๆผมว่าไม่ว่าใครที่แผลสดใหม่ แผลเก่าแค่ไหนนะครับ แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก (แผลพุพอง) (ยิ้ม) ผมว่าจริงๆเพลงนี้เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ ถ้าสมมุติไม่ได้มีประสบการณ์.. ถ้ามีประสบการณ์แบบนี้ลองฟังดูครับ ผมว่าน่าจะได้เห็นภาพของความรู้สึกของเราช่วงนั้นชัดขึ้น ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นโมเมนต์ที่ทุกคนเคยเจอ ส่วนใครที่อาจจะไม่ได้เจอโมเมนต์แบบนี้ หรืออาจจะไม่ได้อินเรื่องราวแบบนี้ ลองฟังดนตรีดูก็ได้ นี่คือสิ่งที่ผมมองว่า นักดนตรีหลายๆคนอยากจะทำออกมาเป็นชิ้น แต่ว่าการทำเนี่ยมันจะต้องใช้ปัจจัยหลายอย่างมาก แล้วก็ตัวผมเนี่ยมีทีมที่ดีครับ มีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ร่วมกันทำสิ่งที่ยากออกมาเป็นชิ้นเป็นอันได้ ให้ทุกคนฟังได้ ก็ลองฟังในส่วนดนตรีก็ได้ มันอาจจะทำให้มุมมองของการมองเพลงหนึ่งเพลงมันกว้างขึ้นครับ”

แหม…เรียกว่าได้คุยกับหนุ่มนนท์ทีไรเป็นต้องได้รับข้อคิดดีๆและมุมมองที่ดีมากๆเสมอ เชื่อว่าแฟนๆทุกคนก็คงไม่ต่างกันเพราะหนุ่มนนท์นอกจากจะมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมที่ติดตัวมาแล้ว เขายังมีพรแสวงและมีสิ่งดีๆมอบเป็นพลังให้คนรอบตัวเขาอยู่เสมอ และเชื่อว่าทุกคนที่รู้จักเขา ได้เห็นผลงานของเขาจะรักเขาได้ทันทีแน่นอน


คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”

โดย “yimyim”