จากรายงานในเว็บไซต์ หนังสือพิมพ์ไชนา เดลี ของจีน ความเคลื่อนไหวเป็นการตอบสนอง ต่อเสียงเรียกร้องจากรัฐบาลสหรัฐ ที่ต้องการให้ญี่ปุ่นช่วยออกค่าใช้จ่าย สำหรับ “การฝึกซ้อมร่วมทวิภาคี” เพิ่ม และญี่ปุ่นตกลงตามที่ขอ จะจ่ายเพิ่มในระยะ 5 ปี เริ่มจากปีงบประมาณหน้า ด้วยยอดเงินทั้งหมด 1.55 ล้านล้านเยน (ประมาณ 9,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 311,792 ล้านบาท) คิดถัวเฉลี่ยตกปีละ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายโยชิมาสะ ฮายาชิ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น เผยเหตุผลที่เปลี่ยนชื่อ งบประมาณช่วยค่าใช้จ่าย สำหรับทหารสหรัฐประมาณ 5,000 นาย ที่ประจำการอยู่ในดินแดนญี่ปุ่น ว่า เนื่องจากทั้งสองประเทศตกลงกัน สร้างรากฐานเพื่อเสริมความเป็นพันธมิตร

ในรอบปี 2564 ความเป็นพันธมิตรระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ชนะเลือกตั้ง เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 2564

ในช่วงเวลา 4 ปีของรัฐบาลสหรัฐชุดที่แล้ว ซึ่งนำโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ความสัมพันธ์ ญี่ปุ่น-สหรัฐ “ตึงเครียด” ทรัมป์เรียกร้องให้โตเกียวเพิ่มเงินช่วยค่าใช้จ่าย พร้อมกับขู่จะถอนกองกำลังทหารออกจากญี่ปุ่น และทรัมป์ยังถึงขั้นพิจารณายกเลิก ข้อตกลงความเป็นพันธมิตรทางทหาร ระหว่าง 2 ประเทศ

เมื่อไบเดนเข้ารับตำแหน่ง ความสัมพันธ์ทวิภาคีขับเคลื่อนไปข้างหน้าในทุกด้าน

ในระหว่างการเดินทางเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่รับตำแหน่ง นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศ และ พล.อ.ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ พบหารือกับรัฐมนตรต่างประเทศ และรัฐมนตรีกลาโหมของญี่ปุ่น ที่กรุงโตเกียว  และในเดือน เม.ย.ปีที่แล้ว นายโยชิฮิเดะ ซึงะ นายกรัฐมนตรีคนที่แล้วของญี่ปุ่น กลายเป็นผู้นำต่างชาติคนแรก ซึ่งเดินทางเยือนสหรัฐและพบปะกับไบเดน ที่ทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน

การเยือนครั้งแรกเชิงสัญลักษณ์เหล่านี้ ถือเป็นการแสดงให้โลกเห็น ถึงการให้ความสำคัญต่อชาติพันธมิตรแนบแน่นที่สุดของแต่ละฝ่าย

กองทัพ (ของญี่ปุ่นยังใช้คำว่า กองกำลังป้องกันตนเอง) ของสองประเทศ เข้าร่วมการฝึกซ้อมทางยุทธวิธี ทั้งทวิภาคีและพหุภาคี ตลอดปี 2564 รวมถึงการซ้อมรบ  Orient Shield 21-2 ในเดือน มิ.ย. และ ก.ค. ซึ่งเป็นการซ้อมรบทวิภาคีภาคพื้นดิน รายการใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

ช่วงปลายปีที่แล้ว กองทัพสหรัฐและกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น ร่วมกันร่างแผนปฏิบัติการสร้างฐานโจมตีในหมู่เกาะนันไซ ทางใต้ของญี่ปุ่น เพื่อรับมือ “เหตุฉุกเฉินไต้หวัน” ซึ่งหมายถึง หากจีนใช้กำลังบุกยึดเกาะไต้หวัน

ส่วนความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ สหรัฐได้ยื่นข้อเสนอแก้ไขความขัดแย้ง การขึ้นอัตราภาษีเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมญี่ปุ่น ในยุครัฐบาลของทรัมป์ และนางจีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลของไบเดนมีเป้าหมาย ลงนามกรอบความตกลงทางเศรษฐกิจ ที่ “ทรงพลังมาก” กับกลุ่มประเทศในเอเชีย ในปี 2565 นี้

การประชุมเจรจาครั้งแรกภายใต้ข้อตกลง “ความเป็นหุ้นส่วนทางการค้า สหรัฐ-ญี่ปุ่น” คาดว่าจะมีขึ้นช่วงต้นปีนี้ แต่กำหนดวันที่แน่ชัดยังไม่ได้ข้อสรุป

รัฐบาลโตเกียวและวอชิงตัน ตกลงทำงานร่วมกัน เพื่อผลักดัน “วาระโลกร่วม ญี่ปุ่น-สหรัฐ” สำหรับการค้า และความร่วมมือในภูมิภาค อินโด-แปซิฟิก ความร่วมมือรายการนี้ เกิดจากความพยายามของไบเดน ที่จะก่อตั้งกรอบการค้าพหุภาคีใหม่ ให้สำเร็จ ในช่วงที่เขายังดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES