หากบอกว่าผลงานของอาร์เซนอลฤดูกาลนี้ ทำเอาแฟนๆ มีความรู้สึกเหมือนขึ้นรถไฟเหาะ ก็คงไม่ได้เกินจริงไปเท่าไร

“ไอ้ปืนใหญ่” ออกสตาร์ตฤดูกาลแบบเต็มไปด้วยความหวัง แต่แล้วกลับแพ้รวดในเกมลีก 3 นัดแรก ไม่ทันไร ก็ถูกมองว่าต้องหนีตกชั้น แต่จากนั้นกลับเป็นขาขึ้น ไม่แพ้ใครอีกเลยจนเดือนพฤศจิกายน ซึ่งพอนานๆ ฟอร์มหล่นเลยแพ้ 3 จาก 4 นัด อีกครั้งถูกมองว่าชัดอาการไม่ดีเริ่มเข้าอีหรอบเดิม

ที่ไหนได้ อาร์เซนอล ใส่เกียร์ห้าชนะ 5 เกมติดในเดือนธันวาคม แต่พอเดือนมกราคม กลายเป็นขาลงอีก พวกเขาสะกดคำว่าชนะไม่เป็น ตกรอบมันพร้อมกันทั้งเอฟเอ คัพ และ คาราบาว คัพ เป็นอันสูญสิ้นความหวังที่จะมีแชมป์ติดมือ

แต่ก็อีกแล้วเดือนกุมภาพันธ์ รถไฟชบวนนี้ทะยานขึ้นอีก อาร์เซนอล ชนะ 4 นัดติดต่อกัน ยิ่งถ้านับเฉพาะ 10 เกมหลังสุดในลีก เทียบกับลีกใหญ่ของยุโรป อาร์เซนอล เก็บแต้มได้มากสุด 25 จากคะแนนเต็ม 30 แต้ม ไม่มีใครดีไปกว่า นอกจาก แมนฯ ซิตี ที่เก็บ 25 แต้มเท่ากัน

ก่อนสุดสัปดาห์นี้อาร์เซนอลรั้งอันดับ 4 กับอีก 13 เกมที่เหลือ แฟนๆ “เดอะ กันเนอร์ส” เริ่มจินตนาการไปไกลถึงการกลับไปเล่นในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2017

แต่ก็แน่นอนว่าเส้นทางยังอีกไกล เริ่มด้วยวันอาทิตย์นี้ ที่ อาร์เซนอล เจอศึกหนักไม่น้อยเมื่อต้องพบกับ เลสเตอร์ ที่เริ่มคืนฟอร์ม ชนะในลีก 2 นัดติด แต่ดูเหมือนโชคเข้าข้างเมื่อ เจมี วาร์ดี กองหน้าตัวแสบดันบาดเจ็บหมดสิทธิลงสนามพอดี

ที่เรียกว่าตัวแสบเพราะวาร์ดีถูกโฉลกมากกับการยิง อาร์เซนอล 14 นัด กดไป 11 ประตู เจอเมื่อไรยิงเมื่อนั้น แม้แต่ แอรอน แรมส์เดล ยังพูดไว้ก่อนว่า วาร์ดี เป็นหนึ่งกองหน้าที่เขาไม่อยากเจอด้วยมากที่สุด เพราะไอ้หมอนี่มันไม่เคยหยุดวิ่ง แถมยังเร็วอีกต่างหาก แรมส์เดล จำได้กระทั่งว่าเจอมา 5 ครั้ง โดนยิงไป 4 ประตู ดังนั้นต้องบอกว่า โชคดีจริงที่ศูนย์หน้าวัย 35 ปี เจ็บได้พอดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับอาร์เซนอลเองว่า จะยังกุมโชคชะตาในมือไปได้อีกแค่ไหน ทั้งฟอร์มกำลังดี นักเตะกำลังมั่นใจ ทั้งได้เล่นในบ้าน และถ้าผ่านเกมนี้ไปได้ เกมต่อไปก็มี ลิเวอร์พูล รออยู่ อาจหนักหนาเสียหน่อย แต่ทีมอย่าง ลิเวอร์พูล ก็ใช่ว่าจะแพ้ใครไม่เป็น และจะเป็นการเปิดเส้นทางสู่ถ้วยยุโรปให้กว้างขึ้นกว่าเดิมอีก.