การบุกไปโดน เอฟเวอร์ตัน สอยหน้าหงาย 1-0 ในเกมพรีเมียร์ลีก นัดล่าสุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะ ไม่ใช่เรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายของแฟนบอลผีแดงแต่อย่างใดนะครับ เพราะต่างตระหนักดีอยู่แล้วว่า ทีมชุดนี้พร้อมจะแจกแต้มให้กับคู่แข่งทุกทีมอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นทีมระดับหัวแถว หรือ ท้ายตาราง

            แน่นอนว่า การแข่งขันฟุตบอล และกีฬาทุกประเภทย่อมมีแพ้มีชนะเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่ทำให้สาวก เรด เดวิลส์ เสียความรู้สึกมากที่สุดน่าจะเป็นสิ่งที่นักเตะของตัวเองแสดงให้เห็นในสนามมากกว่า

            การได้สวมเสื้อแข่งตราปิศาจถือ 3 ง่ามถือเป็นเอกสิทธิ์ และถือเป็นความภาคภูมิใจที่คนเดินดินอย่างเรา ๆ ทำได้เพียงแค่ฝันโดยไม่มีโอกาสจะได้สัมผัสความรู้สึกนั้นด้วยตัวเองตลอดช่วงชีวิตนี้

            ทว่าขุนพลแมนฯ ยูไนเต็ดชุดปัจจุบันดูเหมือนจะมองไม่เห็นคุณค่า และไม่ได้ให้ความสำคัญกับตราสโมสรที่ปักอยู่บนอกเสื้อแม้แต่น้อย

            นักเตะปิศาจแดงชุดนี้ล้วนแล้วแต่มีรายได้ก้อนโต โดยมีถึง 4 คนที่ได้รับค่าจ้างอยู่ในระดับท็อป 5 ของพรีเมียร์ลีก และติดอยู่ในระดับท็อป 10 ถึง 5 ราย แต่หลายคนกลับลงไปเล่นแบบไม่ถึง 3 สลึงด้วยซ้ำ

            แทบทุกเกมเราต้องได้เห็นนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ดเดินเล่น หรือ แสร้งทำเหมือนวิ่ง หรือ วิ่งเยาะ ๆ ในจังหวะถอยลงมาเล่นเกมรับ

            หลายครั้งที่นักเตะบางคนยืนอยู่นิ่ง ๆ ไม่ยอมขยับไปรับบอลจนเพื่อนต้องกวักมือเรียกให้ช่วยเข้ามารับบอลจากตีนกูหน่อย

            แถมหลายคนยังสนใจแต่เรื่องนอกสนาม สาละวนอยู่กับโลกโซเชียล บางคนก็ทำตัวเหมือนเด็กมีปัญหา ทำหน้าเป็นตูดเมื่ออยู่ในสนาม ขณะที่บางคนก็เอาแต่ร่ำ ๆ อยากจะย้ายทีมอยู่อย่างนั้น

            ปัญหาของนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้อยู่ที่ระดับฝีเท้า แต่มันอยู่ที่วิธีคิด และทัศนคติ ซึ่งเป็นปัญหาที่กุนซือหลายคนทั้ง โชเซ มูรินโญ, โอเล กุนนาร์ โซลชา และราล์ฟ รังนิก แก้ไม่ตกจนกระทั่งทุกวันนี้

            หากแมนฯ ยูไนเต็ด ยังใช้นักเตะชุดนี้ต่อไป รับประกันซ่อมฟรีได้เลยว่า พวกเขาไม่มีทางจะกลับมาประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ภายในอีกหนึ่งทศวรรษข้างหน้าต่อให้เอายอดกุนซืออย่าง เปป กวาร์ดิโอลา หรือ เจอร์เกน คลอปป์ เข้ามาคุมทีมก็ตาม

            ด้วยเหตุนี้ ปิศาจแดง จึงจำเป็นต้อง “เซ็ตซีโร่”  หรือ กลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง ด้วยการผ่องถ่ายนักเตะที่เป็นตัวปัญหา และไม่มีใจจะเล่นให้กับทีม รวมทั้งนักเตะที่ฝีเท้าไม่ถึงระดับมาตรฐานออกไป

จากนั้นก็ค่อย ๆ ดึงนักเตะฝีเท้าดี มีทัศนคติที่ดี และพร้อมสู้เพื่อตราสโมสรฟุตบอล แมนฯ ยูไนเต็ด จริง ๆ เข้ามาเติมตลาดละ 2-3 คนเหมือนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยทำมาแล้วสมัยที่ย้ายมาจาก อเบอร์ดีน เมื่อช่วงปลายทศวรรษที่ 80

            แน่นอนว่า กระบวนการนี้อาจจะต้องใช้เวลานาน 3-4 ปี หรือ อย่างน้อยก็หลายช่วงตลาดนักเตะอย่างที่ ราล์ฟ ริงนิก เคยว่าเอาไว้ แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็จำเป็นต้องทำ และต้องทำโดยได้รับการสนับสนุนจากซีอีโอคนใหม่อย่าง ริชาร์ด อาร์โนลด์ และเจ้าของทีมอย่างตระกูลเกลเซอร์อย่างเต็มที่ด้วย

            เชื่อเหลือเกินว่า หากทุกอย่างยังไม่มีแนวโน้มจะดีขึ้นภายในฤดูกาลหน้า หรือ ผู้บริหารของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่แสดงให้เห็นว่า มีความจริงใจในการแก้ปัญหา เราก็น่าจะได้เห็นการออกมาประท้วงครั้งใหญ่ของสาวก เรด อาร์มี เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 2021 อีกครั้งแน่นอน.

แท ยอน