สัปดาห์ “วันสงกรานต์” เรียกว่าเป็นช่วงวันหยุดต่อเนื่องยาวให้ผู้ชมทุกท่านได้กลับบ้านต่างจังหวัด หรือจะหยุดพักผ่อนได้เต็มที่หลายวัน ซึ่งแน่นอนว่ายอดโควิด-19 ยังสูงต่อเนื่อง ใครที่เดินทางกลับต่างจังหวัด ก็คงจะหลีกเลี่ยงการสัญจรไปมาในผู้คนหมู่มากไม่ได้ อย่าลืมสวมใส่หน้ากากอนามัยและล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ ด้วยนะครับ แต่หากใครที่ยังไม่อยากเดินทางเวลานี้ แล้วต้องอยู่บ้านพักยาว ๆ ก็ลองหาภาพยนตร์ในจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ชมกันได้เพลิน ๆ ล่าสุด Netflix นำเรื่อง Yaksha ปฏิบัติการยักษ์ล้มยักษ์ มาลงสตรีมให้ได้ชมกันแล้ว ตัวเรื่องมีความยาว 2 ชั่วโมง 5 นาที ฝีมือผู้กำกับ นาฮยอน ที่เคยมีผลงานอย่าง Prison กับ Inseparable Bros เป็นหนังแนวแอ๊คชั่นหักเหลี่ยมเฉือนคม แค่ฉายไปเพียง 3 วัน ปรากฏว่ายอดผู้ชมทะยานจนเข้าสู่อันดับ Top 5 ในเวลาอันรวดเร็ว
เรื่องย่อ Yaksha ปฏิบัติการยักษ์ล้มยักษ์ นี่คือเรื่องราวของ “คังอิน” (รับบทโดย โซลคยองกู) หัวหน้าทีมปฏิบัติการลับของ NIS ในเมืองเสิ่นหยาง ประเทศจีน ด้วยนิสัยส่วนตัวที่มีความดุดัน เลือดเย็น เพื่อให้งานทุกอย่างบรรลุไปยังเป้าหมาย เขาจึงไม่สนใจวิธีการใด ๆ ทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับฉายา “ยักษ์” (Yacha) อสูรที่พร้อมจะกัดกินเหล่ามนุษย์ทุกคน แต่ก็ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งการปกป้องโลกวิญญาณตามความเชื่อ ขณะเดียวกัน “ฮันจีฮุน” (รับบทโดย พัคแฮซู) หนุ่มอัยการไฟแรง ได้ขอย้ายตัวเองจากสำนักงานอัยการเขตกลางกรุงโซล มาเป็นสายลับติดตามดูพฤติกรรมของ “คังอิน” กับลูกทีม หลังจากมีรายงานว่าพวกเขาปฏิบัติงานแบบสุดโต่งเกินไป ซึ่งแท้จริงแล้ว “คังอิน” กับลูกทีมของเขา กำลังพยายามติดตามหาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือที่หายตัวไปเพื่อคุ้มครองไม่ให้เกิดการกระทบความมั่นคงระหว่างประเทศ และยังต้องต่อสู้กับกลุ่มสายลับจากประเทศญี่ปุ่นและจีน รวมถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทุกอย่างด้วย
จุดแข็งของเรื่องนี้ ต้องยอมรับว่าเป็นการลงทุนที่จัดหนักจริง ๆ สำหรับงานถ่ายทำฉากต่าง ๆ เพื่อโชว์มุมกล้องสวยคม อารมณ์การไล่ล่ามีตั้งแต่ บนถนน โกดังร้าง สำนักงานตึกสูง แอ๊คชั่นคิวบู๊ซัดกันจนเหนื่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยิงปะทะกันแบบไตล์แก๊งสเตอร์ระหว่าง 3 ชาติ ญี่ปุ่น จีน และเกาหลี ในส่วนของดาราแม่เหล็กอย่าง “คังอิน” และ “ฮันจีฮุน” ที่รับบทตัวละครต่างขั้วชนิดขาวกับดำ แรกเริ่มอาจจะดูเนือย ๆ แต่พอเข้าสู่บทบาทกลางเรื่อง กลับรู้สึกว่า ทั้งสองมีเคมีที่เข้ากันได้ บทของคนที่มีความคิดต่างกัน แต่กลับยอมฟังความคิดและทัศนคติ สุดท้ายเป้าหมายยังคงอยู่ในวิถีเดียวกัน คือ การรักษาความถูกต้อง นอกจากนี้ในหนังยังได้นักร้องหนุ่มอย่าง “พัก จินยอง” หรือ “จินยอง GOT7 ” มารับบท “จอง แด” สายลับหนุ่มที่มีความปราดเปรียว เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับได้หลายซีนอีกด้วย
สำหรับจุดอ่อนของเรื่อง ที่เห็นได้ชัดเจนคือการเซตบทแอ๊คชั่นให้แก๊งของ ญี่ปุ่นและจีน ดูห่วยจนกลายเป็นกล้วยเข้าปากช้าง ผู้ชมอาจต้องตั้งคำถามว่า “…ทำไมเกาหลีถึงเก่งกว่าชาติอื่น ๆ…” นอกจากนี้ยังมี CG บางฉากที่ดูลอย ๆ ไม่ค่อยสมจริงนัก ประกอบกับช่วงหลังมีบทแอ๊คชั่นที่อยากโชว์คิวบู๊ จนลืมไปว่า เพิ่งใช้ปืนยิงกันไป ทำไมต้องทิ้งปืนมาต่อยกันด้วย??? ความไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้ทำให้รู้สึกได้เลยว่า หนังดูดร็อปไปในช่วงหลัง
3/5 สำหรับภาพยนตร์แอ๊คชั่นภาพสวย ๆ คิวบู๊แน่น ๆ เป็นอีกเรื่องที่เหมาะสำหรับดูช่วงวันพักยาว ๆ
