เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุพายุฤดูร้อนพัดถล่มพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ โดยเฉพาะที่บริเวณพื้นที่ ต.ผือใหญ่ อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ จ.ศรีสะเกษ แรงลมพายุได้พัดพาเอาหลังคาบ้านเรือนราษฎร หลังคายุ้งฉางและคอกสัตว์ปลิวว่อนเปิดออกทั้งแถบ ต้นไม้ใหญ่ล้มปิดทับเส้นทางสัญจรและสายไฟฟ้าขาดกระจุยทั้งแถบ ส่งผลทำให้ไฟฟ้าดับสนิททั้งตำบล

ขณะที่ นายประยูร เดชหาญ นายกเทศมนตรีตำบลผือใหญ่ ได้นำช่างและเจ้าหน้าที่เทศบาลฯ ออกสำรวจความเสียหายเบื้องต้น พบว่าประชาชนได้รับความเสียหายในพื้นที่ 12 หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ้านผือหมู่ที่ 1 บ้านสร้างทอง หมู่ที่ 2 บ้านหนองแตน หมู่ที่ 3 บ้านเดื่อ หมู่ที่ 4 บ้านสายตะคอง หมู่ที่ 6 บ้านอะโพน หมู่ที่ 7 บ้านหนองผือ หมู่ที่ 8 บ้านสวาย หมู่ที่ 9 บ้านโนนสวรรค์ หมู่ที่ 10 บ้านโชคอุดม หมู่ที่ 11 บ้านผือใหญ่ หมู่ที่ 12 และบ้านหนองบัว หมู่ที่ 13 รวมกว่า 200 หลังคาเรือน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือชาวบ้านแล้ว

จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดลมพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ในหลายพื้นที่ทั้ง 16 อำเภอ ตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงค่ำ ส่งผลกระทบทำให้บ้านเรือน ประชาชน โรงเรียน วัด ป้ายโฆษณา ขนาดใหญ่ ต้นไม้ล้ม  เสาไฟฟ้าล้ม  ไฟฟ้าดับนานหลายชั่วโมง 

โดยพบว่าที่วัดท่าโขลง ต.วัดตูม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ต้นคาง ขนาดใหญ่ ขนาดความสูง 12 เมตร ที่อยู่ใกล้กับกุฏิพระสงฆ์ของวัดท่าโขลง ถูกลมพายุพัดจนต้นไม้ลมลงมาทับกุฏิ ซึ่งเป็นกุฏิปูนสองชั้น หลังคาไม้ทรงไทย ได้รับความเสียหายทั้งหลัง หลังคาถูกกิ่งไม้ทะลุ ข้าวของภายในกุฏิได้รับความเสียหายทั้งหมด

พระอารมณ์ สันตมโน อายุ 78 ปี พระลูกวัดท่าโขลง จำวัดอยู่ในกุฏิดังกล่าว กล่าวว่า ช่วงค่ำวานนี้ ( 28 เม.ย.) ขณะที่กำลังจำวัดอยู่ชั้น 2 ของกุฏิ ช่วงนั้นมีลมพายุพัดแรงฝนตกหนักมาก ได้ยินเสียงดังโครมจากนั้นไฟฟ้าดับ จึงควานหาไฟฉายส่องดูพบว่า ต้นไม้ล้มมาทับกุฏิ ฝนเทลงมาในกุฏิ เศษกระเบื้องตกใส่ที่ศีรษะ รีบโทรฯ ขอความช่วยเหลือจากญาติ แล้วรีบหนีออกจากุฏิ กลัวว่ากุฏิจะพังลงมา คว้าเอาจีวรออกมาได้เท่านั้น นอกนั้นข้าวของเสียหายหมด ไปอาศัยจำวัดที่ศาลา ไม่ได้นอนทั้งคืน จนช่วงเช้าเข้ามาสำรวจความเสียหาย เลือกข้าวของเครื่องใช้ที่พอจะใช้ได้ โดยล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ อบต.วัดตูม เตรียมตัดต้นไม้ที่ล้มออกจากกุฏิและสำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป

จ.ปราจีนบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเมื่อช่วงกลางดึกวันนี้ ได้รับแจ้งจากเจ้าของบ้านเลขที่ 135 บ้านหนองตอ หมู่ 3 ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ถูกพายุฝน พัดหลังคาบ้านหายทั้งแถบ เจ้าของกางร่มนอนตากฝนทั้งคืนจนรุ่งสาง จึงเดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าว พบกับนายโคณากร ท่าเกตุ อายุ 54 ปีและนางลลิตา จำปาเทศ อายุ 28 ปี สองสามีภรรยา

โดยนางลลิตา กล่าวว่า ช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมามีพายุฝนตกหนัก ขณะนั้นเกิดลมหมุนมาทางบ้านตัวเอง พัดหลังคาบ้านเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อ 2 เดือน หายไปทั้งแถบ ตนกับสามีได้กอดลูกไว้ โดยพายุกระหน่ำจนถึงรุ่งสาง ระหว่างนั้นตนกับสามีได้เอาร่มใหญ่ มากางหลบฝนนอนบนแคร่ไม้ไผ่ภายในบ้านกระทั่งรุ่งสางที่ผ่านมา