เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา  นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ชี้แจ้งกรณีถูกตั้งคำถามเรื่องการนำเสนอข่าว โดยระบุว่า  Warat Karuchit “โดยบอกกับคุณตาว่า ส่งแค่นี้แล้วก็ไป”   “ไม่ทราบคุณสรยุทธเอาข้อมูลนี้มาจากไหนอ่ะครับ ผมดูคลิปของไทยรัฐและในโพสต์ของกลุ่มเส้นด้ายแล้วก็ไม่เห็นมีนะครับ”

ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษา ศบค. โพสต์ตั้งคำถามนี้ เพื่ออะไรครับ …

โพสต์นี้ที่อ้างเอามาตั้งคำถาม ผมลงตอนเที่ยงคืน 9 นาทีของคืนก่อน หลังได้รับทราบข่าวนี้ และทีมข่าวได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ปรากฏตาม “คลิปภาพและเสียง” ของลูกชายวัย 42 ปีของคุณพ่ออายุ 63 ปี และคุณปู่ วัย 93 ปี ในค่ำคืนวันนั้น รวมทั้งนักข่าวได้ตรวจสอบเบื้องต้น โดยสัมภาษณ์ญาติ (ลูกสาวอีกคน) ของครอบครัวนี้ ที่ได้รับแจ้งว่าคุณลุงทั้ง 3 คนไปนั่งรออยู่ริมถนนกลางดึก ได้อย่างไร ปรากฏตามคลิป

ประโยคที่ถามผมว่า “โดยบอกกับคุณตาว่า ส่งแค่นี้แล้วก็ไป” เอามาจากไหน ก็จับใจความมาจากทั้ง 2 คลิปนี้ครับ เข้าใจความหมายมั้ยครับ “ส่งแค่นี้ … แล้ว (เจ้าหน้าที่) ก็ไป” รู้จักการสื่อสารแบบจับใจความมั้ยครับ สื่อถึงขนาดต้องจับคำพูด “ตรงเป๊ะ” มานำเสนอเท่านั้นหรือครับ การตั้งคำถามนี้ คงเพราะ

หนึ่ง ไม่ได้ดูรายการในเช้าวันต่อมา ซึ่งได้นำเสนอข้อเท็จจริงนี้อย่างครบถ้วน ปรากฏในคลิปรายการที่ดูยัอนหลังได้ สอง ผลจากการตั้งคำถามนี้ ย่อมทำให้คนที่อาจไม่ได้ติดตามข่าวนี้จากรายการ มองผมในแง่ร้าย และย่อมทำให้เกิดความเสียหาย โดยประการที่จะทำให้ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ไม่อยากจะคิดว่า จะจับผิดการทำงานสื่อใช่มั้ยครับ ทำเพื่ออะไรครับ และทำในนามส่วนตัว หรือในนามที่ปรึกษาด้านสื่อของ ศบค.ครับ การเอาโพสต์ของผมที่โพสต์ไว้ตั้งแต่หลังเกิดเหตุทันที แล้วเอามาตั้งคำถามในภายหลัง แบบพยายามจะจับคำพูดแบบนี้ เป็นธรรมหรือเปล่าครับ

คืนวันนั้น มีเสียงลูกชายที่อยู่ในที่เกิดเหตุบอกในคลิปด้วยว่า “ทหาร” มาส่ง แต่เมื่อไม่สามารถยืนยันได้ว่าจริงหรือไม่ หรืออาจจะเป็นความเข้าใจผิด เมื่อยังไม่สามารถตรวจสอบได้ ผมก็ให้ดูดเสียงคำนี้ออก และไม่ได้พูดในรายการเลยว่าหน่วยงานไหน เพื่อให้ความเป็นธรรมในเบื้องต้นด้วย หลังเจ้าหน้าที่ออกมาชี้แจง มีคลิปเสียงชายคนเดิม ขอโทษเจ้าหน้าที่ สรุปว่า รถวิ่งเลยไป เลยขอลงเอง ข้อนี้ บอกตรงๆ นะครับ ปกติ จะต้องขยายให้ข้อเท็จจริงปรากฏ 2 ด้านว่า ลูกสาว กับเจ้าตัวเองในคืนนั้นพูดว่าอย่างไร แต่ผมเห็นว่าในยามวิกฤติ ควรจะให้กรณีนี้เป็นบทเรียน เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีกเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องขยายให้เรื่องลุกลามกลายเป็น ความขัดแย้ง เมื่อต้องร่วมกันแก้ปัญหา

ที่สำคัญ ด้วยความเคารพนะครับ ตามหลักการควบคุมโรคระบาด ต่อให้ ผู้ป่วยโควิด ทั้ง 3 ราย “ขอลงเอง” ก็ยอมให้ทำแบบนั้นไม่ได้ครับ เพราะเป็นผู้ติดเชื้อโรคระบาด ยิ่งเป็นผู้สูงวัย ขนาด 93 , 63 ปี ในยามค่ำคืนแบบนั้น ย้ำนะครับ สื่อมีหน้าที่สะท้อนปัญหาตามความเป็นจริงในสังคมครับ ในวิกฤติโรคระบาด ร่วมแรงร่วมใจกันทำความเข้าใจกับประชาชน ช่วยเหลือประชาชนดีกว่ามั้ยครับ

ต่อมา ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต โพสต์เฟซบุ๊ก Warat Karuchit ระบุว่า ขอลบโพสต์เกี่ยวกับคุณสรยุทธ์นะครับ หากโพสต์ของผมทำให้คุณสรยุทธ์ไม่สบายใจ ผมก็ต้องขออภัยนะครับ อันที่จริงตอนที่คุณสรยุทธ์จะออกมา ผมยังโพสต์ให้กำลังใจ และบอกว่าเห็นด้วยกับการพักโทษ เพราะคุณสรยุทธ์มีโอกาสจะทำประโยชน์ได้มากกว่าอยู่ภายในเรือนจำ เพราะเป็นผู้สร้างผลกระทบให้สังคมได้สูงมาก ช่วยเหลือสังคมมาก็มาก ออกมาทำในสิ่งที่คุณสรยุทธ์มีความสามารถก็ย่อมมีศักยภาพที่จะสื่อสารสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ รวมทั้งสื่ออื่นๆ ด้วย

ผมไม่ได้มีเจตนาจะจับผิด แต่บางครั้งไปเห็น หรือคนส่งมาให้ แล้วรู้ว่ามันผิด ผมก็อยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรไม่ได้ และต้องการแก้ไขข้อมูลที่ผมรู้แน่ๆว่าผิด ทำให้บางครั้งอาจทำให้ท่านรู้สึกเหมือนถูกจับผิด หรือโจมตี อันนี้ก็ต้องขออภัยด้วยเช่นกัน แต่ก่อนนี้เวลาผมให้สัมภาษณ์เรื่องจริยธรรมสื่อ สื่อหลายคนก็บอกว่า อาจารย์อย่าเหมาด่าสื่อทั้งหมด ใครทำผิดก็ให้ระบุตัวไปเลย ก็รับผิดชอบกันเอง ก็เลยเป็นที่มาของการระบุช่อง หรือชื่อ หากท่าทีหรือโทนในการโพสต์ของผมไม่เหมาะสม ก็ต้องขออภัยท่านที่ถูกพาดพิงและได้รับผลกระทบเช่นกัน

คู่ขัดแย้งของผมไม่ใช่สื่อนะครับ แต่เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และทั้งหมดที่ทำ ผมก็ทำคนเดียวมาเป็นสิบปีแล้วตั้งแต่เล่น FB ทำในนามส่วนตัว ไม่ได้ทำในนามใคร ไม่เคยอ้างตำแหน่งใดๆในการโพสต์ ไม่เคยโพสต์แล้วลงตำแหน่งใดๆทั้งสิ้น และความคิดเห็นไม่ผูกพันองค์กรใดๆที่ผมสังกัด ผมก็เป็นอาจารย์ธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้นเอง และไม่ได้มีอำนาจอะไรไปข่มขู่ สั่งลงโทษ หรือเอาผิดกับใครเลย อย่างมากผมก็ส่งเรื่องร้องเรียนไปที่ กสทช. (ซึ่งก็ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน) หรือแจ้งเรื่องต่อไปที่ DE ให้ตรวจสอบเท่านั้นเอง

ตำแหน่งที่ปรึกษา ศบค. ก็แค่ให้คำปรึกษาเท่านั้น ไม่ได้เป็นตำแหน่งประจำ ไม่มีอำนาจอะไร ไม่มีค่าตอบแทน และผมก็ไม่ได้ทำงานให้รัฐบาลด้วย เพียงแค่ทำงานร่วมกันในภารกิจการสื่อสารโควิดเท่านั้นเอง ขอบคุณทุกกำลังใจมากๆ นะครับ ผมได้อ่านหมดแล้วครับ ขอบคุณทุกความห่วงใย ยังไงก็จะทำหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุด และจะระวังตัวให้มากขึ้น คงจะพาดพิงคนอื่น ระบุผู้อื่นให้น้อยลงเพราะไม่อยากมีดราม่า หรือให้เพื่อนๆที่มาตอบแทนต้องมาพลอยโดนด่าทอเพราะผมไปด้วย (คนด่าผมก็เริ่มเฉยๆแล้วนะครับ แต่ผมเกรงใจเพื่อนๆที่พยายามจะมาช่วยผมต้องโดนไปด้วย) แต่จะส่งข้อมูลที่สำคัญ ที่เป็นประโยชน์กับสาธารณะให้เท่าที่จะทำได้ครับ ขอบคุณครับ

ขอบคุณเฟซบุ๊ก นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา และเฟซบุ๊ก Warat Karuchit