สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ว่าสำนักงานสาธารณสุขรัฐนิวเซาท์เวลส์รายงานสถิติผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมในพื้นที่อย่างน้อย 8,342 คน เพิ่มขึ้น 240 คน โดยเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเพียงคนเดียว หมายความว่าเป็นการติดเชื้อจากภายในชุมชนมากถึง 239 คน เป็นสถิติรายวันสูงสุด นับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดชองเชื้อไวรัสโคโรนา เมื่อเดือน ม.ค.ปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน ยังคงมีผู้ติดเชื้อต้องรับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีกอย่างน้อย 182 คน ในจำนวนนี้ 54 คนยังอยู่ในห้องไอซียู ส่วนสถิติสะสมของผู้เสียชีวิตมีอย่างน้อย 68 ราย 
นางกลาดีส์ เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวขอบคุณและชื่นชมประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับมาตรการของรัฐ อย่างไรก็ตาม "ยังคงมีบุคคลกลุ่มหนึ่ง" เพิกเฉยและไม่ปฏิบัติตาม "แม้เป็นส่วนน้อย แต่ส่งผลกระทบกับส่วนใหญ่" 
ทั้งนี้ เบเรจิกเลียนสั่งขยายมาตรการล็อกดาวน์เมืองซิดนีย์ ซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐและเมืองใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย และอีก 3 เขตที่อยู่ติดกัน จนถึงวันที่ 28 ส.ค.นี้ "เป็นอย่างน้อย" หลังสั่งล็อกดาวน์พื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา และในการแถลงประจำวันพฤหัสบดี มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์กล่าวว่า เธอขยายพื้นที่บังคับสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าให้ครอบคลุม "พื้นที่สีแดง 8 แห่ง" ในเมืองซิดนีย์ และประชาชนสามารถออกนอกเคหสถานได้ไกลไม่เกิน 5 กิโลเมตร นอกจากนี้ เธอเพิ่มอำนาจให้แก่ตำรวจ ในการสั่งปิดกิจการที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการล็อกดาวน์ของทางการด้วย.

เครดิตภาพ : AP