สื่อท้องถิ่นของจีนรายงานข่าวผู้รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ จากเหตุการณ์ตึกถล่มที่เมืองฉางซา มณฑลหูหนาน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยหญิงสาวชาวจีนวัย 21 ปี ซึ่งได้รับการระบุชื่อว่า ‘เสี่ยวหยวน’ เป็นผู้รอดชีวิตและเพิ่งได้รับการช่วยออกมาจากซากปรักหักพัง หลังจากต้องอดทนรอนานถึง 6 วัน

เวินเผิง นักผจญเพลิงที่ดูแลการกู้ภัยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า หญิงสาวผู้รอดชีวิตปลอดภัยดี เธอไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงและจิตใจก็ยังคงเข้มแข็งดี

รายงานข่าวระบุว่า เสี่ยวหยวน เป็นแขกที่เข้าพักในโรงแรมซึ่งอยู่ภายในอาคารที่พังถล่ม โดยขณะที่อาคารถล่มนั้น เธอตกลงมาถึง 4 ชั้น แต่โชคดีที่ตัวกำแพงอาคารที่ล้มนั้น เกยกันเป็นโครงสามเหลี่ยมคล้ายหลังคา ช่วยรับน้ำหนักที่อยู่เหนือศีรษะของเธอพอดี

เสี่ยวหยวน ยังโชคดีที่มีผ้าห่ม โทรศัพท์มือถือและน้ำดื่มประมาณครึ่งขวดอยู่กับตัว เธอพยายามประหยัดการดื่มน้ำและใช้ผ้าห่มเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น และแม้ว่าจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ภายใต้ซากตึกที่ถล่มลงมา แต่เธอก็ใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อคอยเช็กวันที่และเวลา

หญิงสาวผู้รอดชีวิตให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ตอนที่เธอได้ยินเสียงเอะอะข้างนอก แต่เธอไม่ได้พยายามเคาะหรือทุบกำแพง เพราะคิดว่า ไม่น่าจะมีใครได้ยิน เธอรอจนกระทั่งรู้สึกว่าหน่วยกู้ภัยเข้ามาใกล้กับจุดที่เธอติดอยู่ และสภาพในตอนนั้นไม่มีเสียงรบกวน เธอถึงจะพยายามเคาะหรือทุบกำแพงบ่อย ๆ และในที่สุดก็มีคนได้ยินการเคาะเรียกของเธอ 

เสี่ยวหยวน ยังกล่าวอีกว่า เธอรู้ตัวดีว่า ติดอยู่ใต้ซากตึกมานานกี่วันแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกตื่นตูมมากนัก

เรื่องราวของ เสี่ยวหยวน กลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็วบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีนอย่างเว่ยปั๋ว และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากมาย หน่วยงานนักผจญเพลิงของจีนและสื่อมวลชนระดับชาติต่างยกให้การรอดชีวิตของเธอเป็น ‘ปาฏิหาริย์’

เจ้าหน้าที่จากหน่วยดับเพลิงหูหนานชมเชยหญิงสาวว่า ความใจเย็นและสุขุมของเธอช่วยให้เธอรอดชีวิตอยู่ได้นานพอ จนมีคนเข้าไปให้ความช่วยเหลือ การมีสติรู้ตัวอยู่เสมอและเข้าใจว่าควรทำอะไร รวมถึงพยายามที่จะไม่ตื่นตระหนกจนเกินไปมีส่วนช่วยที่สำคัญมาก

อาคารที่พังถล่มในครั้งนี้มีทั้งหมด 10 ชั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 53 ราย โดยตัวอาคารเป็นการสร้างและต่อเติมอย่างผิดกฎหมาย ภายในมีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร อพาร์ตเมนต์ และสำนักงานธุรกิจ สาเหตุการพังถล่มยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวนและได้มีการจับกุมบุคคลที่ต้องสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องไปแล้วอย่างน้อย 7 ราย

แหล่งข่าว : nextshark.com

เครดิตภาพ : Getty Images