เมื่อวันที่ 14 พ.ค. เวลา 06.30 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม.หมายเลย 8 ลงพื้นที่เขตดินแดง เขตประเวศ เขตสายไหม และเขตบึงกุ่ม เริ่มตั้งแต่ตลาดศรีดินแดง (ถนนดินแดง1) ตลาดกลางดินแดง ถนนประชาสงเคราะห์ พบปะพูดคุยกับพี่น้องชาวแฟลตดินแดง ชุมชนร่วมใจพัฒนา เขตประเวศ เคหะวัชรพล 3 เขตสายไหม และชุมชนสุวรรณประสิทธิ์ 1, 2, 3 เขตบึงกุ่ม

นายชัชชาติ กล่าวว่า 8 วันสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งก็ยังประมาทไม่ได้ ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา พร้อมทำเต็มที่กับการลงพื้นที่เหมือนที่เคยทำมาตลอด รวมถึงบอกกับทีมงานเสมอว่า อย่ายึดติดกับผลโพล มุ่งทำงานให้เต็มที่ ขณะที่ผู้สมัครหลายคนเริ่มมีปราศรัยใหญ่ ซึ่งก็ทำเต็มที่เช่นเดียวกัน ส่วนตนจะมีปราศรัยใหญ่หรือไม่นั้น ต้องหารือร่วมกับทีมงานก่อนว่าจะจัดหรือไม่ หรือจัดในรูปแบบใด ทั้งนี้ตั้งแต่ลงพื้นวันแรกจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 2 ปี ก็ใจหาย ความทรงจำที่ผ่านมาย้อนไปได้ไกลมาก สุดท้ายมาถึงจุดที่เราตั้งใจกับการเดินทางที่ยาวนาน และสุดท้ายต้องรอดูว่าประชาชนจะตัดสินใจอย่างไร

เมื่อถามถึงผลโพลของซูเปอร์โพล ที่ระบุว่าจุดอ่อนของนายชัชชาติ อาทิ บริหารยากคนละขั้วกับรัฐบาล เคลือบแคลงสงสัยการอนุมัติสายการบิน ตอนเป็นรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม เคยมีปัญหา โยงความไม่ปลอดภัยของสายการบินรวมถึงไม่เห็นผลงานเป็นชิ้นเป็นอันให้คนกรุงเทพฯ

นายชัชชาติ กล่าวว่า ไม่รู้ว่าแบบสอบถามเป็นลักษณะไหน ถามประชาชนเป็นข้อๆ หรือให้ประชาชนกรอกข้อมูล ทำไมจึงเฉพาะเจาะจง ตนไม่ได้ดูรายละเอียด แต่สุดท้ายโพลขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือตามหลักวิชาการ ทั้งนี้ ตนเคารพทุกโพล เชื่อว่าประชาชนอ่านโพลก็ตัดสินใจเองได้ รวมถึงเชื่อว่าคนที่เห็นตัวตนเรา ดูข้อมูลแล้วค่อยตัดสินใจ คงไม่เชื่อโพลไปทุกๆ อย่าง

ส่วนเรื่องผลงาน จริงๆ แล้วตอนเป็น รมว.คมนาคม ก็มีผลงานมากมาย ถ้าอยากจะดู ถ้าไม่ดูก็ไม่เห็น แต่งานคมนามคมเราจะไปพูดเป็นผลงานของเราคนเดียวไม่ได้ เพราะเป็นงานที่ต่อเนื่องยาวนาน ช่วงนั้นเราได้ผลักดันหลายโครงการ อาทิ โครงการ 2 ล้านล้าน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ รถไฟที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ก็เป็นผลที่เราผลักดันให้เกิดขึ้น มอเตอร์เวย์พัทยา-สัตหีบ, กรุงเทพฯ-โคราช และอีกหลายเส้นทาง การเปิดสนามบินดอนเมือง การเปิดถนน 4 เลน รถไฟทางคู่ ยืนยันว่าผลงานที่ผ่านมาเรามีแน่นอนถ้าดูจริงๆ และเห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมอยู่แล้ว

สำหรับประเด็นการอนุมัติสายการบิน ยืนยันเป็นไปตามกระบวนการ มีคณะกรรมการกลั่นกรองทุกขั้นตอน และอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ส่วนประเด็นในโพลที่ระบุจุดอ่อนเรื่องการอยู่ขั้วตรงข้ามกับรัฐบาล นายชัชชาติ กล่าวว่า ปัจจุบัน ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระ มั่นใจว่าสามารถทำงานร่วมกับทุกฝ่ายได้ และมองว่าการเป็นอิสระ นับว่าเป็นจุดแข็งมากกว่า เนื่องจากทำให้สามารถร่วมงาน ประสานงานกับ ส.ก. ได้จากทุกพรรค ทุกฝ่าย หลักการสำคัญคือต้องทำงานร่วมกัน ทั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. ต้องให้เกียรติกัน เนื่องจากมีที่มาจากประชาชน เพื่อให้สามารถร่วมกันทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน

นอกจากนี้ นายชัชชาติ ได้กล่าวถึงจุดแข็งที่คิดว่าจะเป็นผู้ว่าฯ กทม.คือเราเดินละเอียด มีนโยบาย แผนการทำงานที่ตอบโจทย์ประชาชน รวมถึงการเป็นอิสระที่จะสามารถเข้ากับทุกคนได้