จากกรณีดาราหนุ่ม เอม วิทวัส มีเรื่องให้ได้ปวดหัวออกมาอัพเดทไอจีส่วนตัว เป็นรูปร้านอาหารแห่งหนึ่งถูกรื้อถอนออกมา โดยมีการเล่าผ่านแคปชั่นอย่างตัดพ้อและเดือดว่า “#ฝากแชร์หน่อยนะคะ #อยู่กับเพื่อนบ้าง ได้มาเห็นถึงกับเข่าทรุดอ่ะ! สมัยนี้ยังมีอีกหรอ? คนที่แม่งไม่สนกฎหมายบ้านเมืองเลย อยากทำอะไรก็ทำ ยังมีแบบสมัยกรณีบาร์เบียร์ที่ถูกรื้ออีกหรอวะ!! ที่คิดว่ารวยมีเงินจะรังแกใครยังไงก็ได้ใช่มั้ย?!” โดยแฟนๆ ที่เห็นโพสต์ของหนุ่มเอมก็พากันมาให้กำลังใจ สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น กันเป็นจำนวนมาก หลังเกิดเรื่องราวได้แจ้งความกับตำรวจ สภ.ปากเกร็ด แต่คนพวกนี้ก็ไม่เกรงกลัวกฎหมายนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปร้านดังกล่าว ทราบชื่อต่อมาคือร้าน “อยู่กับเพื่อนบ้าง” แถวถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบว่าถูกนำข้าวของอุปกรณ์ภายในร้านออกมากองไว้ด้านนอกร้าน พร้อมนำรั้วสังกะสีมาปิดล้อมไว้ทั้งหมด พร้อมมีการติดป้ายประกาศ ระบุว่า ”พื้นที่ส่วนบุคคลห้ามบุกรุกเข้า ฝ่าฝืนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย”

ด้านนายภูภณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี หุ้นส่วนร้านให้ข้อมูลว่า ร้านนี้ตนได้ลงหุ้นกับนายวิทวัส หรือ เอม ดารานักแสดง และเพื่อนอีกหนึ่งคน เปิดร้านตรงนี้เข้าปีที่ 5 แล้ว โดยทำสัญญาเช่ากับเจ้าของเดิม เมื่อช่วงโควิด-19 ระบาด ทางจังหวัดมีคำสั่งให้ปิดร้าน พวกตนก็ปิด จากนั้นจึงได้หันมาทำข้าวผัดปูขายเพื่อหารายได้ให้กับลูกน้องรวมทั้งค่าเช่า ซึ่งตอนนั้นก็ยังมีจ่ายค่าเช่าอยู่ แต่ก็มีบ้างที่จ่ายไม่ตรงเวลา กระทั่งวันที่ 27 เม.ย. จู่ๆ ก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 20 คน บุกเข้ามารื้อของในร้านตั้งแต่ 8 โมงเช้า ซึ่งน้องที่นอนเฝ้าร้านบอกว่าโดนด่า และข่มขู่ ว่าห้ามถ่ายรูป ห้ามถ่ายคลิป ไม่งั้นจะโดนทำร้าย โดยพวกเขารื้อทั้งกำแพง หลังคา ระบบไฟ ข้าวของทรัพย์สินต่างๆ ได้รับความเสียหายจำนวนมาก ตอนนั้นตนก็เข้ามาที่ร้าน พยายามห้ามปรามไม่ให้พวกเขารื้อ และโทรฯ แจ้งตำรวจ แต่เขาก็ไม่สนใจ ขนาดตำรวจมา เขายังรื้อต่อหน้าตำรวจเลย ตนจึงได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

“เอม วิทวัส”เข่าแทบทรุดร้านถูกรื้อพังเสียหายแซะคนรวยจะทำอะไรก็ได้เหรอ?

นายภูภณ กล่าวต่อว่า ต่อมาวันที่ 4 พ.ค. เขาก็นำกลุ่มชายฉกรรจ์ 10 กว่าคน เข้ามาใช้ค้อนทุบแม่กุญแจประตูร้านและเข้ามาขนของในร้าน ออกมาไว้ด้านนอก ตนจึงแจ้งให้ตำรวจให้มาระงับเหตุอีกครั้ง แต่ก็ยังเหมือนเดิม ตนก็เลยจ้างช่างมาซ่อมหลังคา ซ่อมเท่าที่จะซ่อมได้ เพื่อให้ร้านพอเปิดต่อไปได้ก่อน พอเปิดมาได้แค่ 6 วัน วันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา ก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาอีก คราวนี้มาเยอะเลยเกือบ 20 คน มาตั้งแต่ 6 โมงเช้า มาสร้างกำแพงสูงปิดหน้าร้านของตน เอาสังกะสีมากั้นรั้วไม่ให้พนักงานของตนเข้าออก รื้อป้ายหน้าร้าน ทั้งบนหลังคา บนกำแพง บนเสาสูงหน้าโครงสร้างความเสียหายทั้งหมด และย้ายของมากองไว้หน้าร้านตนเลยไปแจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ดอีก เป็นครั้งที่ 3 ตอนนี้ไม่กล้าทำอะไรต่ออีกแล้ว เพราะกลัวจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงอยากขอความเป็นธรรม

“คนที่มาสั่งรื้อร้านของตนคือคนที่ตนเช่าที่อยู่ และคนที่ตนเช่าอยู่ ก็ไม่ใช่เจ้าของที่ตัวจริง เขาเช่าจากเจ้าของตัวจริงมาอีกที และบอกกับตำรวจว่า ตนไม่ยอมจ่ายค่าเช่าที่ เขาเลยมีสิทธิมารื้อ มายกทรัพย์สินไป ทั้งที่ตนก็ยังมีสัญญาเช่าอยู่ ตนเช่าเปิดร้านนี้มาจะ 5 ปี แล้ว ที่ผ่านมาตนจ่ายเงินค่าเช่าทุกเดือนไม่เคยขาด แต่มาช่วงปีหลังๆ ที่เจอโควิดตนก็ต้องปิดร้าน เลยไม่ได้จ่าย เพราะทางรัฐสั่งห้ามไม่ให้เปิด ตนก็หันมาขายข้าวผัดปูเลี้ยงลูกน้อง และก็ได้มีการพูดคุยเรื่องค่าเช่าว่าจะผ่อนจ่าย และตนก็มาทราบความจริงทีหลังว่า คนที่เช่ากับเจ้าของก็จ่ายอยู่ไม่กี่เดือน แล้วเงียบไป ซึ่งทางเจ้าของตัวจริงได้บอกยกเลิกสัญญาไปแล้ว ตั้งแต่ปลายปี 63 และโดนฟ้องขับไล่ที่อีกด้วย รวมทั้งสัญญาก็ระบุห้ามนำไปให้ใครเช่าช่วงอีก พวกตนได้คุยกับเจ้าของตัวจริงและได้เล่าถึงปัญหาให้ฟัง ตนจึงเลือกที่จะระงับการจ่ายค่าเช่าไว้ก่อน ตอนนี้ทางเจ้าของที่ได้ร้องต่อศาลเพื่อยกเลิกสัญญาแล้ว ส่วนรายละเอียดเป็นเรื่องของศาลจะว่าอย่างไร ตอนนี้จึงจำเป็นต้องปิดร้านไว้ก่อน จากนี้จะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด เพราะรู้สึกว่าพวกเขาทำเกินไป” นายภูภณ กล่าว.