สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ว่า นางมิเชล บาเชเลต์ ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ปิดฉากภารกิจการเยือนจีน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเธอกล่าวว่า ได้ลงพื้นที่เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ อย่างไรก็ตาม เป็นการพบหารือกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่น ไม่ใช่การลงพื้นที่ “เพื่อปฏิบัติภารกิจสอบสวน” ด้านสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด


บาเชเลต์ กล่าวว่า เธอได้หารืออย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลกลางในกรุงปักกิ่ง นั่นคือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายหวัง อี้ รมว.การต่างประเทศ ซึ่งเธอได้แสดงความวิตกกังวลอย่างตรงไปตรงมา เกี่ยวกับนโยบายต่อต้านการก่อการร้ายของจีน ที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของชาวอุยกูร์ และกลุ่มชาติพันธุ์มุสลิมอีกหลายกลุ่มในประเทศ โดยเธอขอให้มีการประเมินและทบทวน


ทั้งนี้ บาเชเลต์ถือเป็นข้าหลวงด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นคนแรกในรอบ 17 ปี ซึ่งเยือนจีนอย่างเป็นทางการ ขณะที่สื่อของรัฐบาลปักกิ่งรายงานไปในทางเดียวกันว่า ผู้นำจีนกล่าวกับบาเชเลต์ ว่าพัฒนาการด้านสิทธิมนุษยชนของจีน “สอดคล้องและเป็นไปตามเงื่อนไขแห่งชาติ” กลไกด้านสิทธิมนุษยชน “มีหลากหลายรูปแบบ” สิทธิในการดำรงอยู่และการพัฒนา ถือเป็นรากฐานของประเทศที่กำลังพัฒนา การเบี่ยงเบนออกจากความเป็นจริง และการพยายามยัดเยียดแนวทางที่ไม่สามารถเข้ากับเงื่อนไขของท้องถิ่น มีแต่จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายเท่านั้น แล้วท้ายที่สุด ประชาชนคือผู้ที่เจ็บปวด


ขณะที่ นายเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ วิจารณ์การเยือนจีนของบาเชเลต์ “เป็นความผิดพลาด” เนื่องจากเธอเป็นฝ่ายตอบรับภารกิจครั้งนี้เอง “ทั้งที่ทราบดีว่ามีเงื่อนไขมากมาย”.

เครดิตภาพ : REUTERS