นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า  ขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)ศึกษาวิเคราะห์การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ตามข้อเรียกร้องของภาคเอกชน  หลังภาคเอกชนได้ยื่นหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้เลื่อนและลดการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตาม พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2562 ออกไปก่อน เพื่อลดภาระประชาชน และผู้ประกอบการในช่วงที่ต้องเผชิญวิกฤติการแพร่ระบาดไวรัสโควิด และวิกฤติสงครามรัสเซีย-ยูเครน

“ตอนนี้ภาษีที่ดินมีผลบังคับใช้ และมีการจัดเก็บภาษีไปแล้ว ดังนั้น สศค.ก็ต้องไปศึกษาวิเคราะห์และหารือกับกระทรวงมหาดไทยว่ามีแนวทางใด ที่จะช่วยเหลือแบ่งเบาภาระประชาชนเรื่องภาษีที่ดินได้ เพราะภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นรายได้ของท้องถิ่น ที่จะนำรายได้จากภาษีดังกล่าว ไปพัฒนาท้องถิ่น ดังนั้นต้องหารือกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อความรอบรอบ”

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มว่า แนวทางการลดจัดเก็บภาษีที่ดินในปีงบประมาณนี้ คงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากปัจจุบันภาษีที่ดินได้มีการเริ่มจัดเก็บไปแล้วตั้งแต่เดือนเม.ย.65 ที่ผ่านมา ยกเว้นบางพื้นที่ที่ใช้อำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น ขยายเวลาจัดเก็บภาษีออกไป เช่น กรุงเทพมหานครเลื่อนเก็บภาษีที่ดินจากเดือนเม.ย.ไปเป็นเดือนก.ค.65 ดังนั้นหากมีการลดจัดเก็บภาษีคงเป็นไปได้ยาก เพราะจะทำให้เกิดความลักลั่นของการเสียภาษีในแต่ละพื้นที่ และยากต่อการบริการจัดการ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการจัดเก็บภาษีไปแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่า หากมีมาตรการลดหรือยกเว้นการเก็บภาษีดินจะมีผลกระทบต่อรายได้ของท้องถิ่น ซึ่งใน 2 ปีก่อนหน้าที่รัฐบาลมีการประกาศลดอัตราจัดเก็บภาษีที่ดิน 90%เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด ทำให้รายได้ท้องถิ่นหายไปปีละเกินกว่า 3 หมื่นล้านบาท  ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถชดเชยรายได้ที่ขาดหายไปได้ทั้งหมด ซึ่งในช่วงปีแรก 62/63 ก็ชดเชยไปเพียงกว่าหมื่นล้านบาท ส่วนปีภาษี 63/64 ไม่ได้ช่วยอุดหนุนเลยเพราะไม่มีงบประมาณ ดังนั้นหากจะเลื่อนหรือลดอีก ก็จะกลายเป็นปัญหาที่ต้องหาแหล่งงบประมาณมาชดเชย ซึ่งจะมีการนำข้อมูลเหล่านี้เสนอให้ระดับนโยบายพิจารณาอีกครั้ง