เมื่อเวลา 12.43 น. วันที่ 1 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เดินทางมาถึงศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ด้วยการสวมสูทสีน้ำเงิน เชิ้ตสีขาว และสวมเนกไทสีเขียว โดยได้ก้าวเท้าขวาเข้าอาคาร จากนั้นจึงเดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย พระพุทธนวราชบพิตร ศาลพระภูมิ “หลวงปู่มงคลประสาท” ศาลจีน “เจ้าพ่อเพ่งนั้มกิมไซ” สักการะพระพุทธชินราช รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 9 ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. จากนั้นร่วมพิธีส่งมอบงานในหน้าที่จากนายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัด กทม.โดยมีคณะผู้บริหาร กทม.,หัวหน้าส่วนราชการ, ข้าราชการ, บุคลากรกรุงเทพมหานคร ร่วมพิธี

จากนั้นนายชัชชาติ เดินทางไปยังศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (ดินแดง) เพื่อร่วมพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (ดินแดง) ประกอบด้วย ศาลพระภูมิ และศาลตายาย ณ บริเวณด้านหน้าอาคารสํานักการโยธา และสักการะพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ณ บริเวณลานหน้าอาคารไอราวัตพัฒนา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายชัชชาติ ประกอบพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า) ได้มีเหล่าข้าราชการ และเจ้าหน้าที่มารอต้อนรับและทักทาย ส่งเสียงปรบมือให้กำลังใจ พร้อมกับร่วมบันทึกภาพ

นายชัชชาติ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า สิ่งแรกที่จะเริ่มทำคือ 1.การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม 2.ความปลอดภัยด้านการจราจรและการข้ามทางม้าลาย 3.การแก้ปัญหาหาบเร่แผงลอย ซึ่งจะยังยึดนโยบายเดิมที่ กทม.เคยประกาศไว้ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง และ 4.ปัญหาเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (2 มิ.ย.) จะมีการเรียกกรุงเทพธนาคม เข้ามาพูดคุย อย่างไรก็ตาม 4 เรื่องนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ 214 นโยบายของตนที่เคยประกาศไว้

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีที่ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่องส่องงบประมาณ กทม.ปี 2565 ว่าเหลือให้ผู้ว่าฯ กทม. ชัชชาติ ใช้เท่าไหร่ โดยระบุว่า มีงบฯ เหลือเพียง 94 ล้านบาทนั้น ทางคณะผู้บริหารจะมีการจัดสรรงบประมาณใช้จ่ายอย่างไร นายชัชชาติ ระบุว่า หลายโครงการที่โดนตัดงบไป ตนเชื่อว่าตัวเลขไม่ได้น้อยไปกว่านั้น เนื่องจากตนได้พูดคุยกับท่านรองปลัดผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ทราบมาว่ายังเหลือเงินอยู่ และนโยบาย 214 ข้อของตน เป็นนโยบายที่ไม่ได้ใช้เงินเยอะ เนื่องจากได้มีการคิดไว้แล้ว และทราบอยู่แล้วว่างบประมาณไม่เพียงพอ แต่ขอให้ไม่ต้องห่วง หลายๆ เรื่องยังขับเคลื่อนได้

ส่วนประเด็นการเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนั้น นายชัชชาติ กล่าวว่า “ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะยังไม่รู้จะคุยอะไร ขอโฟกัสเรื่องงานในท้องถิ่นก่อน เพราะผมได้รับเลือกตั้งให้มาทำงานในท้องถิ่น และหากจะพูดคุยก็จะทำตามลำดับขั้น คือเข้าพบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย”

สำหรับประเด็นที่มีการเปรียบเทียบรัศมีทางการเมืองระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าฯ กทม.นั้น นายชัชชาติ ยืนยันว่า เป็นมวยคนละชั้น ผู้ว่าฯ กทม.คือระดับท้องถิ่น แต่นายกรัฐมนตรีเป็นระดับรัฐบาลที่บริหารงานทั้งประเทศ ซึ่งเชื่อว่าไม่มีรอยต่อในการทำงานแน่นอน

นายชัชชาติ ย้ำทิ้งท้ายส่วนตัวให้เกียรติข้าราชการและพร้อมดูแลพวกเขา เพราะเราทำคนเดียวไม่ได้ พร้อมกับถามเหล่าเจ้าหน้าที่ ข้าราชการที่มายืนรายล้อมบริเวณข้างๆ เวทีว่า “พร้อมไหม” จากนั้น นายชัชชาติ กล่าวว่า “เดินไปด้วยกัน เราไม่ใช่นาย เราเป็นเพื่อนร่วมงาน” และขอทำให้ดีที่สุด ไม่ทำให้ผิดหวัง ยืนยันว่ามีความโปร่งใส เพราะนโยบายของตนทั้งหมดได้เผยแพร่อยู่บนเว็บไซต์

อย่างไรก็ตาม ช่วงเย็นวันนี้ นายชัชชาติ ได้ระบุว่า จะไปปลูกต้นไม้ 100 ต้น ตามนโยบายปลูกต้นไม้ล้านต้น เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวและกำแพงกรองฝุ่น ณ สวนเบญจกิติ เขตคลองเตยและช่วง 18.00 น. จะเข้าร่วมงาน Pride Month 2022 ที่บริเวณอุโมงค์สามย่านมิตรทาวน์ เพื่อย้ำนโยบายส่งเสริมความหลายหลายทางเพศ, การปฏิบัติอย่างเท่าเทียมโดยไม่เลือกปฏิบัติทางเพศ เพื่อให้ทุกคนได้อยู่ร่วมกันใน กทม.ได้อย่างเท่าเทียม.