จากกรณีขบวนการค้ายาเสพติดใช้รถตู้กู้ชีพ ซึ่งเป็นรถพยาบาลขนยาบ้า 2.4 ล้านเม็ด ผ่านเข้ามาในพื้นที่ จ.สระบุรี ก่อนแหกด่านตำรวจ จนทำให้เกิดการยิงสกัดกั้น แต่คนร้ายได้ขับรถหลบหนีผ่านเข้าไปในพื้นที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พร้อมนำรถพยาบาล ที่ขนยาเสพติดไปจอดทิ้งไว้ในเขตคลองสามวา กรุงเทพฯ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านโพธิ์ทอง ต.บ้านสิงห์ อ.นางรอง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ น.ส.ทิพวรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ภรรยาคนขับรถกู้ชีพขนยาบ้า ญาติของ น.ส.ทิพวรรณ ต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

โดย น.ส.อิง (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี พี่สาว น.ส.ทิพย์ เล่าว่า น้องสาวไปอยู่กับพ่อแม่ ซึ่งย้ายไปทำงานอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่หลังจบชั้น ป.6 ที่ ต.บ้านสิงห์ นานๆ จะพากลับมาเยี่ยมบ้านบ้าง หลังทราบข่าวรู้สึกตกใจ เพราะไม่คิดว่าน้องสาวกับแฟน จะกล้าทำถึงขนาดนี้ จากที่ฟังข่าวทราบว่า น้องสาวขนยาได้ค่าเที่ยว เที่ยวละ 300,000 บาท ทำมาแล้ว 3 ครั้ง มาถูกจับครั้งนี้ เท่ากับทำสำเร็จมาแล้ว 2 ครั้ง จะต้องได้เงินไม่น้อยกว่า 600,000 บาท เท่าที่สังเกต น้องสาวกับน้องเขย ไม่เคยมีเงิน ยังขอเงินพ่อแม่ใช้เป็นประจำ

ปิดพื้นที่ล่าคนขับรถพยาบาล แหกด่านหนีข้ามจังหวัดทิ้งยาบ้า 2.4 ล้านเม็ด

“แต่มีสิ่งผิดสังเกต พ่อแม่ที่อยู่กรุงเทพฯ เล่าให้ฟังหลายครั้งว่า ตอนที่น้องสาวกับสามีไม่ได้ไปทำงาน จะมีคนมายืมรถเป็นประจำครั้งละ 2-3 วัน โดยไม่รู้ว่าเอาไปไหน มีความเป็นไปได้ ว่ากลุ่มเพื่อนน้องสาวกับสามี อาจจะไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อนหน้านี้ แล้วมีการชักชวนกันไป จนถึงขั้นขนยาคราวละเป็นล้านเม็ด ถึงเวลานี้ก็อยากให้น้องสาวออกมามอบตัว เพราะคิดว่าหนีไม่รอด เนื่องจากเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามหาตัวอย่างเข้มข้น” น.ส.อิง กล่าว

ขณะที่ยายของ น.ส.ทิพวรรณ วัย 67 ปี กล่าวว่า ที่ผ่านมา เวลาหลานมาทำงานตามเขตภาคอีสาน ก็มักจะมาแวะที่บ้าน ซื้อกับข้าวมากิน ถามว่าทำงานอะไร หลานตอบว่าทำงานกู้ภัย ไม่เคยคิดสงสัยหลานว่าจะไปทำแบบนี้.