ชื่อของ “รัฐมนตรีโอ๊ะ” นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ วัย 56 ปี จากพรรคภูมิใจไทย กำลังเป็นที่สนใจของผู้คนที่เสพข่าวสารบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ หลังจากมีข่าวว่าเธอกับนายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี (นายก อบจ.ปราจีนบุรี) ผู้เป็นพ่อ พร้อมพวกรวม 10 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดฐานบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในท้องที่ ต.เนินหอม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี

โดยป.ป.ช.ได้ชี้มูลเจ้าหน้าที่รัฐหลายคนที่เกี่ยวข้องกับการออกโฉนดที่ดิน 3 แปลง รวมกว่า 11 ไร่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ ซึ่งอัตราโทษสูงสุดคือ จำคุกตลอดชีวิต

ขณะเดียวกัน ป.ป.ช.ได้ชี้มูลนายสุนทร และนางกนกวรรณ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 ฐานสนับสนุนการกระทำความผิด โดยได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดแล้ว เพื่อให้พิจารณาส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ และอัยการสูงสุดได้สั่งฟ้องทั้งหมดแล้ว 

นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังมีมติชี้มูลความผิดนางกนกวรรณ ฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงจากกรณีดังกล่าวด้วย เนื่องจากดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยในส่วนของโทษฝ่าฝืนจริยธรรม ป.ป.ช.จะส่งศาลฎีกาพิจารณาเพิกถอนออกจากตำแหน่งด้วย สำหรับกรณีของน.ส.กนกวรรณเมื่อส่งไปยังศาลฎีกาแล้ว หากศาลฎีกาประทับรับฟ้อง ศาลจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีหรือไม่

วันนี้ “เดลินิวส์ออนไลน์” จะพาไปส่องเส้นทางชีวิตของ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ “รัฐมนตรีโอ๊ะ” หรือ “พี่โอ๊ะ” หรือ “ครูโอ๊ะ” กัน

นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ เป็นที่รู้จักของชาวปราจีนบุรีเป็นอย่างดี ในฐานะที่เธอเป็นลูกสาวโทนของ “โกทร” นายสุนทร วิลาวัลย์ อดีต รมช.สาธารณสุข ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นอกจากนี้ นายสุนทรยังเป็นอดีต ส.ส.ปราจีนบุรี หลายสมัย หลายสังกัดพรรคการเมือง และจัดว่าเป็นผู้กว้างขวางมากคนหนึ่งในภาคตะวันออก โดยปัจจุบันนายสุนทรเป็นนายก อบจ.ปราจีนบุรี

“รัฐมนตรีโอ๊ะ” จบการศึกษาปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาเอก คณะสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก ทางด้านชีวิตครอบครัวสมรสกับนายปกรณ์ ศรีจันทร์งาม รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีบุตร-ธิดา 3 คน และเริ่มต้นถนนทางการเมือง มาจากการเป็น ส.จ.ปราจีนบุรี (เขตกบินทร์บุรี) ต่อมาปี 47 นางกนกวรรณได้รับตำแหน่งรองนายก อบจ.ปราจีนบุรี และปี 48 ได้เป็น ส.ส.ปราจีนบุรี เขต 1 พรรคไทยรักไทย แต่เมื่อมีการรัฐประหารในเดือน ก.ย.49 นางกนกวรรณจึงหันหลังทางการเมือง เพื่อไปคุมธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของครอบครัวในนาม “ส.กนกวรรณ” ซึ่งบรรดาผู้รับเหมาก่อสร้างได้ยินชื่อ “ส.กนกวรรณ” แล้วหนาวเหน็บกันทั้งนั้น

ต่อมาการเลือกตั้งในปี 62 พรรคภูมิใจไทยมอบหมายให้นายสุนทรเป็นแม่ทัพคุมสนามเลือกตั้งในปราจีนบุรี และสามารถกวาด ส.ส.เข้ามาได้แบบยกจังหวัด 3 คน ส่งผลให้นางกนกวรรณได้เป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และได้เป็น รมช.ศึกษาธิการ ด้วย


นางกนกวรรณพร้อมคู่สมรสได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินกับ ป.ป.ช. ว่ามีทรัพย์สิน 1,400,015,154 บาท หนี้สิน 63,624,361 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 1,336,390,792 บาท โดยแบ่งเป็นทรัพย์สินของนางกนกวรรณ 1,312,570,270 บาท ของคู่สมรส 87,444,935 บาท ซึ่งทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดิน โดยมีโฉนดอยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี หลายโฉนด รวมมูลค่า 1,249,382,850 บาท โรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง 35,900,000 บาท สำหรับที่ดินของนางกนกวรรณกว่า 10 โฉนด ในท้องที่ ต.เนินหอม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ซึ่งบริเวณนี้เป็นพื้นที่คาบเกี่ยวกับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

กระทั่งวันที่ 15 ม.ค.63 พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศูนย์การประสานการปฏิบัติ (ศปป.) ที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภายใต้การอำนวยการของนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ในขณะนั้น และ พล.ท.เรืองสิทธิ์ มิตรภานนท์ ผอ.ศปป.4 กอ.รมน. ได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีการนำรถแบ๊กโฮ 3 คัน เข้าไปขุดปรับพื้นที่บนเนินเขาและใช้รถดันต้นไม้ล้มเป็นบริเวณกว้าง ใกล้อ่างเก็บน้ำคลองไม้ปล้อง ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พื้นที่หมู่ 14 ต.เนินหอม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี จึงประสานกับนายศักดิ์ชัย จงกิจวิวัฒน์ หัวหน้าชุดพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายครรชิต ศรีนพวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ปราจีนบุรี เข้าตรวจสอบพื้นพบรถแบ๊กโฮ 3 คัน กำลังปรับพื้นที่ จึงควบคุมตัวนายปรีชา-นายสมนึก-นายวีระยุทธ (ขอสงวนนามสกุล) คนขับรถแบ๊กโฮ ไปสอบปากคำ เบื้องต้นทราบว่ารับจ้างปรับพื้นที่มาตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.63

โดยขณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่ ได้มี น.ส.จุรี และนายไพโรจน์ แจ้งว่าเป็นตัวแทนนายสุนทร และนางกนกวรรณเจ้าของที่ดิน นำสำเนาเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินมาแสดง เจ้าหน้าที่ได้บันทึกการตรวจสอบ และลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี

ต่อมาวันที่ 17 ม.ค.63 เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวร่วมกันตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของโฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลง ตรวจสอบจับค่าพิกัดพื้นที่ที่รถแบ๊กโฮเปิดป่าใหม่ พบว่ารถแบ๊กโฮปรับพื้นที่ออกนอกโฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลง โดยบุกรุกเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ รวม 6 จุด พื้นที่รวม 11 ไร่ 3 งาน 96 ตารางวา คิดค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นเงิน 1,798,500 บาท จึงนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี เพื่อติดตามตัวผู้กระทำผิดและเจ้าของที่ดิน ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีต่อไป

ทางด้าน พ.อ.พงษ์เพชร ระบุว่า จากการตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งแปลงโฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลง ออกเมื่อปี 36 พบว่าอยู่ในเขตอุทยานฯเต็มแปลง ทั้ง 3 แปลง และยังตรวจพบโฉนดที่ดินอีก 2 แปลง ออกเมื่อปี 45 ออกทับที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ ขญ.12 (เนินหอม) ทับเส้นทางขึ้นเขาใหญ่ และด่านตรวจเนินหอมอีกด้วย เนื่องจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ถูกประกาศจัดตั้งเมื่อปี 2505 แต่โฉนดที่ดินออกภายหลังเป็นอุทยานฯ แล้ว 30-40 ปี จึงเห็นควรตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินทั้ง 5 แปลงดังกล่าว ว่าออกโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ต่อไป และจากการตรวจสอบเอกสารสำเนาโฉนดที่ดินทั้ง 5 แปลง มีชื่อเจ้าของที่ดินเป็นนักการเมืองชื่อดังในปราจีนบุรี และยังมีโฉนดที่ดินของนักการเมืองดังกล่าว อยู่คาบเกี่ยวกับแนวเขตอุทยานฯ อีกหลายแปลง ซึ่งจะต้องตรวจสอบความถูกต้องการออกเอกสิทธิต่อไป

ดังนั้นชะตากรรมของ 2 พ่อลูก “สุนทร-กนกวรรณ” อาจจะไม่จบแค่ปัญหาที่ดิน 3 แปลงนี้ตามที่ ป.ป.ช.ชี้มูล เนื่องจากหลายภาคส่วนยังสงสัยกรณีปัญหาที่ดินอีก 22 แปลง จำนวน 251 ไร่ ติดกับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในท้องที่ ต.โพธิ์งาม ต.บุฝ้าย อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ตามที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการสร้างรีสอร์ทขนาดใหญ่ และสร้างค่ายลูกเสือกีดขวางทางน้ำสาธารณะหรือไม่? เคยถูกเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) และเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ เข้าไปตรวจสอบความถูกต้องเมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่มีข่าวคราวความคืบหน้าใดๆ ใครเข้าไปออกมาแล้วก็เงียบ! เพราะแถวนั้นจัดว่าเป็น “ดงผู้กว้างขวาง” ที่ระดับบิ๊กๆ ในรัฐบาลรู้จักเป็นอย่างดี!!