เมื่อปีที่แล้ว ชายวัย 45 ปี ซึ่งระบุเพียงชื่อสกุลว่า ‘เฉิน’ จากมณฑลเจียงซี ประเทศจีน เริ่มสงสัยพฤติกรรมของภรรยา ซึ่งระบุเพียงชื่อสกุลว่า ‘อวี๋’ ในช่วงนั้น เฉิน ต้องไปทำงานต่างเมือง เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว แต่ก็ยังติดต่อกับภรรยาทางโทรศัพท์เป็นประจำ จนกระทั่งเขารู้สึกว่า ฝ่ายภรรยาเริ่มหลีกเลี่ยงการรับโทรศัพท์ของเขาและบอกว่าเธออยากจะออกไปทำงานนอกบ้าน

เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา เฉิน แอบตามภรรยาไปจนพบว่า เธอเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง และเขาได้เห็นเธอเช็กเอาต์ออกจากโรงแรมดังกล่าวพร้อมกับชายอีกคนหนึ่ง 

แม้ว่า เฉิน จะไม่เอาผิดกับภรรยา แต่เขาก็ตัดสินใจที่รับการตรวจสอบทางพันธุกรรมระหว่างเขากับลูกสาวทั้ง 3 คน ซึ่งผลปรากฏออกมาว่า พวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด และไม่ใช่พ่อ-ลูกกันจริง ๆ แม้แต่คนเดียว

หลังจากความจริงเปิดเผย อวี๋ ผู้เป็นภรรยาก็หายตัวไปและไม่สามารถติดต่อได้ เฉิน จึงติดต่อสื่อมวลชนในท้องถิ่นเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามตัวภรรยา จนกระทั่งสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งสามารถติดต่อ อวี๋ ได้ทางโทรศัพท์ แต่เธอปฏิเสธว่าไม่เคยนอกใจ เฉิน อีกทั้งกล่าวว่า การตรวจสอบดีเอ็นเอไม่ใช่เรื่องสำคัญ นอกจากนี้เธอยังตำหนิที่สามีของเธอคิดจะหย่าขาดจากกันด้วย

อวี๋ เรียกร้องขอความเห็นใจ โดยอ้างว่า สามีภรรยาหลายคู่ที่เป็นหมันยังรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยง เธอกล่าวตำหนิสามีว่า ลูกสาวทั้ง 3 คนของเธอเรียก เฉิน ว่า ‘พ่อ’ มาตลอดเวลาหลายปี แต่ตอนนี้เขากลับพูดว่า เด็ก ๆ ทั้ง 3 คนไม่ใช่ลูกเขา 

อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาทางทางกฎหมายของจีนจากสถานีวิทยุโทรทัศน์เจียงซีกล่าวว่า ในกรณีนี้ เฉิน มีสิทธิเต็มที่ที่จะฟ้องหย่า ถ้าหากเขาเชื่อว่าพฤติกรรมของ อวี๋ ทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ เขายังมีสิทธิฟ้องศาลเพื่อเรียกร้องให้ อวี๋ คืนเงินที่เขาจ่ายเป็นค่าเลี้ยงดูเด็กทั้งสามคน รวมทั้งค่าทำขวัญ เนื่องจากถือว่าเป็นการทำร้ายทางจิตใจ

แหล่งข่าว : nextshark.com

เครดิตภาพ : Getty Images