สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวต่อที่ประชุมกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ “บริกส์” ซึ่งจีนทำหน้าที่ประธานในปีนี้ และจัดการประชุมผ่านระบบทางไกลอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีเนื้อหาตอนหนึ่งเกี่ยวกับสถานการณ์อาหารโลก และห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมโยงกัน ว่ากำลังเผชิญกับภาวะไม่สมดุลมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น


ผู้นำรัสเซียกล่าวต่อไปว่า ราคาอาหารและสินค้าเกษตร ตลอดจนผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากมาตรการของตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐ ที่เดินหน้าใช้มาตรการกดดันฝ่ายเดียวทางเศรษฐกิจ เพื่อสั่นคลอนโครงสร้างการผลิตทางการเกษตร ซึ่งรวมถึงการจำกัดเส้นทางการส่งออกปุ๋ยของรัสเซียและเบลารุส และ “การสร้างความยากลำบาก” ให้แก่รัสเซียในการส่งออกธัญพืช


ขณะเดียวกัน ผู้นำรัสเซียตำหนิ “ความวิตกจริต” ของตะวันตก ที่มีต่อธัญพืชหลายสิบตัน ซึ่งยังคงติดค้างอยู่ที่ท่าเรือหลายแห่งในทะเลอาซอฟ และทะเลดำ ทางตะวันออกเฉียงใต้และทางตอนใต้ของยูเครน ว่าอาหารปริมาณเท่านี้ยังไม่สามารถแก้ไขวิกฤติการณ์ในภาพกว้างได้


นอกจากนี้ ปูตินกล่าวเตือนว่า ยิ่งสถานการณ์เป็นแบบนี้นานเท่าไหร่ กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา ซึ่งเผชิญกับวิกฤติด้านอาหารเรื้อรังอยู่แล้ว จะยิ่งได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มากขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ ปูตินยืนยันว่า รัสเซียเป็น “ผู้เล่นที่มีความรับผิดชอบ” ต่อห่วงโซ่อาหารโลก และมีความพร้อมปฏิบัติตามกฎระเบียบ รวมถึงเงื่อนไขต่าง ๆ


อนึ่ง การสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครนยืดเยื้อมานานกว่า 4 เดือนแล้ว โดยทั้งสองประเทศล้วนมีบทบาทสำคัญต่อทุกกระบวนการของห่วงโซ่อาหารโลก ปัจจุบัน รัสเซียเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดของโลก ส่วนยูเครนอยู่ในอันดับที่ 5 ขณะที่เมื่อรวมกับปริมาณข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี และข้าวโพด ที่ทั้งสองประเทศผลิตได้รวมกัน คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 3 ของตลาดธัญพืชโลก.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES