จากกรณีเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ภายในบริษัท ราชวงศ์รุ่งเรือง จำกัด เลขที่ 157 ถนนราชวงศ์ แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กทม.จนเกิดความเสียหายรวม 6 คูหา และรถยนต์ถูกไฟเผาอีกจำนวนหลายคัน และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บอีกหลายราย โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารเพลิงไหม้ดังกล่าว โดยเปิดเผยว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถควบคุมเพลิงไหม้ได้ระดับหนึ่งแล้ว ความอันตรายกรณีที่อาจเกิดการถล่มของอาคาร เนื่องจากมีการฉีดน้ำ แล้วพื้นอาคารตรงกลางตึกเองก็ยุบไปหมด และต้องดูแต่ละฝั่งที่มีการเพิ่มน้ำหนักเข้าไปจึงต้องจำกัดคนไม่ให้เข้าไปบริเวณดังกล่าว ส่วนสาเหตุเกิดจากหม้อแปลงระเบิดลุกลามเข้าไปด้านในตัวอาคาร ประกอบกับมีสายไฟจำนวนมาก จะสังเกตได้ว่าเหลือแต่สายทองแดงซึ่งเป็นตัวการไฟลุกลาม บังเอิญเชื้อเพลิงในตึกมีพลาสติกจึงทำให้เกิดไฟลุกลามเร็วมาก

อย่างไรก็ตาม ต้องมีการทบทวนหน่วยงานของภาครัฐ ได้แก่ อุปกรณ์หม้อแปลง สายไฟด้านนอก ทางกรุงเทพมหานครมีนโยบายที่ต้องตัดสายทิ้งอยู่แล้ว ต้องรีบเร่งตัดสายที่ไม่ใช้เพราะติดไฟได้ ส่วนภายในอาคารเจ้าของแต่ละแห่งต้องทำการตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ในมาตรฐานที่ดีหรือไม่ อาคารที่มีความเสี่ยงมากขึ้นเป็นอาคารที่มีเชื้อเพลิงภายในจำนวนมาก อาคารใช้เก็บวัตถุไวไฟ

เมื่อถามว่ามีกรณีคนแจ้งว่าเหตุแบบนี้หลายครั้งแล้วจนกระทั่งเกิดเหตุดังกล่าวจะต้องทำอย่างไรนั้น นายชัชชาติ กล่าวว่า ทางตนจะประสานกับการไฟฟ้านครหลวง กรณีดังกล่าวถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่ต้องนำไปปรับปรุง และเป็นหน้าที่ที่การไฟฟ้าฯ ต้องช่วยดูด้วย ซึ่งต้องประสานงานอย่างเข้มข้น กรุงเทพมหานครจะให้แต่ละเขตสำรวจจุดเสี่ยงเพิ่มเติมด้วย และใช้แพลตฟอร์มที่มีช่วยในการแจ้งเหตุ ทั้งนี้ ยืนยันว่ากรุงเทพมหานครยินดีช่วยเหลือผู้เสียหายอย่างเต็มที่ และจะหารือกับทางการไฟฟ้าฯ หลายเรื่อง อาทิ ไฟดับตามถนน ไฟแสงสว่าง ความปลอดภัยเรื่องหม้อแปลง อย่างกรณีสายสื่อสารอยู่เสาไฟฟ้าปักอยู่ในพื้นที่กทม. ภายในอาทิตย์หน้า

เมื่อถามกรณีของรถที่เสียหายนั้น ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า อาจจะต้องแจ้งความกับเจ้าหน้าที่กรณีมีทรัพย์สินเสียหาย แต่ต้องดูรายละเอียดว่าทางกรุงเทพมหานครจะช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง ส่วนกรณีเกิดเหตุในพื้นที่สำเพ็งเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญจะให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนอย่างไรนั้น ต้องมองไปที่อนาคตต้องมองว่ากรณีดังกล่าวถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่เราต้องเอาไปปรับปรุงให้ดีขึ้น หวังว่าเหตุการณ์นี้จะไม่เกืดขึ้นซ้ำซากอีก ตนเชื่อว่าการไฟฟ้านครหลวงมีศักยภาพที่จะดูแลชีวิตพี่น้องประชาชน ซึ่งเรานำกรณีดังกล่าวร่วมหารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไ.