หลังจาก สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประกาศให้จังหวัดต่างๆ เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลอุ่นเครื่องของ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ในช่วงเดือน ก.ย.นี้ โดยจะจัดเป็นทัวร์นาเมนต์ 4 เส้า โดยมี 2 จังหวัด ที่เป็นข่าว แสดงความสนใจคือ จ.เชียงใหม่ กับ จ.สงขลา โดย สมาคมลูกหนัง เปิดให้ยื่นเสนอตัวได้ถึงวันที่ 30 มิ.ย.65 ทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว คาดว่าจะจัดเป็นศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ”

ผู้สื่อข่าวสอบถามความคืบหน้าจาก “พ่อบ้านโจ” นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้รับข้อมูลว่า มี 2 จังหวัดสนใจตามข่าว แต่ตอนนี้ยังเป็นแค่ระดับผู้ใหญ่ของจังหวัดแสดงความจำนงค์เข้ามา ยังไม่ได้มีใครยื่นเสนอตัวอย่างเป็นทางการ และได้ให้ทางทีมงานสมาคมฯ ติดต่อกลับไปแล้วว่าต้องตั้งทีมงานเข้ามาปรึกษากันว่ามีความพร้อมแต่ละด้านอย่างไรบ้าง เนื่องจากว่านอกจากไทยแล้ว จะมีอีก 3 ทีมมาร่วมแข่งขันด้วย จังหวัดที่จะจัดต้องมีความพร้อมจริงๆ

“สัปดาห์นี้จะต้องพูดคุยกัน เพราะถึงผู้ใหญ่จะบอกว่าพร้อม แต่ต้องดูทั้งบุคลากร, สนามซ้อม, ที่พักต่างๆ อย่างตอนศรีสะเกษจัดนั้น ทางเจ้าภาพมีออแกไนเซอร์ดูแลทุกส่วน สมาคมฯ แค่ส่งคนเข้าไปช่วยเล็กน้อยเท่านั้น หรืออย่างสงขลาที่เคยจัดศึก 23 ปี เอเชีย ตอนนั้นเอเอฟซีส่งคนมาเองเป็นส่วนใหญ่ด้วย รวมไปถึงตอนนี้ต้องดูว่าสนามเป็นอย่างไร, สนามซ้อมมีไหม หรือห้องแต่งตัว เพราะตั้งแต่ยู-23 ก็ยังไม่ได้กลับไปใช้อีกเลย”

นายพาทิศ กล่าวต่อว่า หากทั้ง 2 จังหวัดเข้ามาคุยดูรายละเอียดแล้วยังไม่พร้อม ทางสมาคมฯ ก็อาจจะดึงกลับเข้ามาจัดที่กรุงเทพฯ ที่ราชมังคลากีฬาสถาน เพราะว่าทั้ง 2 จังหวัดอยู่นอกพื้นที่ทำการของสมาคมฯ ต้องพึ่งพาคนในท้องถิ่นเยอะพอสมควร

ส่วนเรื่องทีมที่จะเข้าร่วมนั้น พ่อบ้านลูกหนังไทย กล่าวว่า อยู่ในช่วงการพูดคุย เจรจา ตกลงเงื่อนไข มีทีมที่ตอบรับว่าสนใจแล้วจำนวนหนึ่ง มีทั้งอันดับโลกสูงกว่าหรือต่ำกว่าไทย ส่วนที่มีข่าวว่าเป็นทีมระดับฟุตบอลโลก หรือเวียดนามนั้น ไม่เป็นเรื่องจริง ตอนนี้กำลังติดต่อทาบทามอีกหลายทีม แต่ถ้าหากภายในสัปดาห์นี้ไม่ตอบรับกลับมาก็คงจะต้องตัดทิ้งไป.