เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงกรณีที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยลงนามในหนังสือ เรื่องการแต่งเครื่องแบบลูกเสือและเนตรนารี เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดทั่วประเทศช่วยเหลือสนับสนุนชุดลูกเสือ เนตรนารี ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง ว่า ถ้าเป็นคำสั่งก็ต้องทำ และถ้าจะทำต้องไม่ให้เป็นภาระของประชาชน กทม. จะเป็นธุระให้แต่อาจจะต้องสนับสนุนงบประมาณ

เบื้องต้น กทม. มีชุดนักเรียนให้นักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม.ฟรีอยู่แล้ว แต่ชุดลูกเสือและเนตรนารียังไม่มีรายละเอียด คิดว่าน่าจะแพงกว่าปกติ เพราะมีอุปกรณ์เยอะกว่าแต่ต้องดูว่าจะมีรูปแบบใดที่ทำให้ง่ายขึ้นหรือไม่ เพราะเครื่องแต่งกายเป็นเพียงส่วนหนึ่ง สิ่งสำคัญคือการฝึกวินัยมากกว่า เพราะฉะนั้น หากชุดแพงมองว่าอาจไม่จำเป็น ควรนำไปทำอะไรที่มีประโยชน์กว่าหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ต้องดูว่าจะปรับปรุงในรูปแบบใดได้บ้าง หรือทำให้ง่ายขึ้นได้อย่างไร หรือต้องเป็นแบบนี้ มีคำสั่งมาเป็นนโยบายต้องทำตาม ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายคงต้องดูงบประมาณ อย่างที่บอก ถ้าเป็นคำสั่งน่าจะมีงบประมาณมาให้เราด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองเป็นการโยนภาระให้ กทม. หรือไม่ “ไม่หรอก คือเรามีหน้าที่ทำอยู่แล้ว กระทรวงสั่งมา ทาง กทม. ก็ต้องทำ เพราะให้ทางกระทรวงจัดคงไม่ได้หรอก เนื่องจากว่าไม่ได้สัมผัสกับเด็ก เราเป็นเจ้าของโรงเรียน เป็นผู้ดูแลโรงเรียน ตามเส้นทางคือเราเป็นผู้ดูแล แต่ถ้ามีปัญหาอะไรคงแจ้งไปทางกระทรวง” นายชัชชาติ กล่าว

ต่อข้อถาม ส่วนหนึ่งในหนังสือคำสั่งระบุว่า หากเกินความสามารถแจ้งมายังกระทรวงมหาดไทย ได้ นายชัชชาติ กล่าวว่า คงพูดตามความจริงว่า “ท่านสั่งมานะ แต่ว่างบเราไม่มีก็ส่งมาด้วย” แต่เห็นด้วยที่ว่า อย่าให้เป็นภาระกับเด็กและผู้ปกครอง จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่เด็กยากจน เด็กทุกคนถ้าอยากให้แต่งเครื่องแบบต้องให้แบบเท่าเทียม ไม่ใช่เลือกดูแลเฉพาะคนที่ลำบาก

ขณะที่กระแสด้านผู้ปกครองเสนอให้เครื่องแบบเหลือแต่ผ้าพันคอกับวอกเกิ้ลนั้น นายชัชชาติ กล่าวว่า คงเป็นตัวกลางในการพูดคุย แต่เข้าใจว่ากระทรวงฯ สั่งมา ไม่ได้ถามความเห็น ยืนยันว่าสั่งก็ทำ แต่ถ้ามีความเห็นจากผู้ปกครอง กทม.จะชี้แจงไป คิดว่าเป็นเรื่องที่หาทางออกได้.