สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงเม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ว่า กลุ่มนักวิเคราะห์จากธนาคารบังโก บิลบาว บิสกายา อาร์เจนตาเรีย (บีบีวีเอ) ของสเปน ระบุในบันทึกการวิจัยว่า สาหร่ายสีน้ำตาลในสกุลซาร์กัสซัม หรือที่เรียกว่า “สาหร่ายทุ่น” กลายเป็น “ภัยคุกคามสำคัญ” ต่อการฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยวหลังโควิดของเม็กซิโก โดยเฉพาะในรัฐควินตานารู

การเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของสาหร่าย สร้างความลำบากอย่างมากให้กับทหารเรือเม็กซิโกและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่ต้องเอามันออกจากน้ำทะเลและหาดทราย

นักท่องเที่ยวจับกุล่มพักผ่อนบนชายหาดที่เต็มไปด้วยสาหร่านทุ่น ในเมืองแคนคูน ทางตะวันออกสุดของเม็กซิโก

“สาหร่ายทุ่น… ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ แต่มันต้องถูกจัดการอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในฤดูร้อนเป็นหลัก” บีบีวีเอ กล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของเม็กซิโก ที่ได้จากภาคการท่องเที่ยว จะฟื้นกลับมาเกือบถึงระดับก่อนการระบาดเมื่อปีที่แล้ว แต่บีบีวีเอกล่าวเตือนถึงอันตรายที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากไม่มีการจัดการควบคุมสาหร่าย

ทั้งนี้ สาหร่ายทุ่นที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในเม็กซิโกและทั่วเขตทะเลแคริบเบียนตั้งแต่ปี 2564 สร้างคำถามถึงสาเหตุที่แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เข้าใจได้อย่างถ่องแท้ ขณะที่นักวิจัยหลายคนกล่าวโทษปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การทิ้งของเสียของมนุษย์, การระบายน้ำเสียจากการเกษตร และฝุ่นทรายที่ถูกพัดมาจากทางตะวันตกของทะเลทรายซาฮาราในทวีปแอฟริกา.

เครดิตภาพ : REUTERS