เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีปลอมแปลงเอกสารหุ้น หมายเลขดำ อ. 2497/2561 ที่นายเกษม ณรงค์เดช ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท KPN เป็นโจทก์ฟ้องคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ภรรยา พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ นายณพ ณรงค์เดช บุตรชายคนกลาง และนายสุทัศน์ จิรจรัสพร เป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารปลอม

สั่งฟ้อง ‘คุณหญิงกอแก้ว-พวก’ ปลอมลายเซ็นซื้อขายหุ้น

โดยโจทก์นำคดีมายื่นฟ้องวันที่ 15 ส.ค.2561 ระบุฟ้องความผิดจำเลยสรุปว่า ระหว่างเกิดเหตุคดีนี้โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท โกลเด้น มิวสิค ลิมิเต็ด จำนวน 459,109,350 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 99.99 มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายฮ่องกง ต่อมาระหว่างวันที่ 25 เม.ย.2559 ถึง วันที่ 26 มิ.ย.2561 เกี่ยวเนื่องกัน คุณหญิงกอแก้ว นายณพและนายสุทัศน์ จำเลยที่ 1-3 ในคดีนี้ ร่วมกันสมคบคิดด้วยการใช้เอกสารปลอม ทำให้นายเกษมผู้โจทก์ได้รับความเสียหาย

กรณีสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2561 บริษัท ดีคอนส์ฯ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย ส่งหนังสือแจ้งถึงนายเกษม โจทก์ว่า ศาลฮ่องกงมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามมิให้ บริษัท โกลเด้นฯ โดยนายเกษม โอนหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) จนกว่าศาลฮ่องกงจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง หากนายเกษมฝ่าฝืนคำสั่งต้องได้รับโทษ และชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น

ภายหลังศาลฮ่องกงมีคำสั่งดังกล่าว นายเกษมได้ทำหนังสือแจ้งไปยังกรรมการบริษัท โกลเด้นฯ เพื่อเรียกประชุมผู้ถือหุ้น โดยต้องการแจ้งให้ที่ประชุมทราบ ถึงการต้องทำตามคำสั่งศาลฮ่องกงให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบ ระหว่างนั้นนายเกษมพบว่า มีการแต่งตั้งนายสุทัศน์ จำเลยที่ 3 ขึ้นเป็นกรรมการ บริษัท โกลเด้นฯ โดยไม่แจ้งให้ทราบมาก่อน อันเป็นพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริต รวมทั้งมีเจตนาขัดขวางไม่ให้เกิดการประชุมผู้ถือหุ้นขึ้น เนื่องจากนายเกษมต้องการให้ที่ประชุมลงมติถอดถอนนายสุทัศน์จำเลยที่ 3 ออกจากการเป็นกรรมการบริษัท พร้อมแต่งตั้งกรรมการคนใหม่ขึ้นมาแทนนายสุทัศน์

นอกจากนี้นายเกษมได้แจ้งให้นายสุทัศน์ และผู้เกี่ยวข้องทราบด้วยว่า นายเกษมไม่ยินยอมโอนหุ้นที่ถือไว้ใน บริษัท โกลเด้นฯ ให้กับใครทั้งสิ้น เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งศาลฮ่องกง หากนายสุทัศน์ จำเลยที่ 3 หรือ บริษัท โกลเด้นฯ ได้รับข้อมูลการโอนหุ้นที่นายเกษมเป็นผู้ถือครอง ให้ถือว่าเป็นข้อมูล หรือเอกสารที่เป็นเท็จ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ต่อมาวันที่ 19 มิ.ย.2561 นายเกษมได้รับแจ้งว่า กรรมการ บริษัท โกลเด้นฯ มีมติและอนุมัติการโอนหุ้นจำนวน 459,103,350 หุ้น ซึ่งเป็นหุ้นทั้งหมดของนายเกษม ไปให้คุณหญิงกอแก้ว จำเลยที่ 1 โดยมีการตั้งตัวแทนระหว่างนายเกษมกับคุณหญิงกอแก้ว ระบุว่า มีการตกลงใช้ตราสารการโอนหุ้น และเอกสารต่าง ๆ ที่นายเกษมเป็นผู้ลงลายมือชื่อยินยอม แต่จากการตรวจสอบเอกสารพบว่า นายเกษมไม่ได้เป็นผู้ลงลายมือชื่อดังกล่าว แต่กลับถูกปลอมแปลงลายมือชื่อขึ้น เกิดจากการสมคบคิดกันของคุณหญิงกอแก้ว นายณพและนายสุทัศน์ จำเลยที่ 1-3 โดยจำเลยทั้งสามร่วมกันปลอมแปลงเอกสารสิทธิ ตราสารการโอนหุ้น ที่นายเกษมถือครองใน บริษัท โกลเด้นฯ ให้คุณหญิงกอแก้ว โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1-3 ตามความผิดด้วย

คดีนี้ศาลชั้นต้น ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า คดีไม่มีมูลเพียงพอ ให้ยกฟ้อง โจทก์ยื่นอุทธรณ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์ พิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นรับคดีไว้พิจารณา วันนี้จำเลยทั้งหมดเดินมาศาล และขอใช้สิทธิตามกฎหมายไม่ให้สื่อมวลชนเก็บภาพ

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า พยานผู้เชี่ยวชาญ ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยนำสืบทำนองเดียวกันว่า ลายมือชื่อของฝ่ายโจทก์ไม่ผิดแผกแตกต่างกันว่าเป็นลายมือปลอมหรือไม่ พยานโจทก์ที่นำสืบมีน้ำหนักน้อย น่าสงสัย จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง

นายวิญญัติ ชาติมนตรี ที่ปรึกษากฎหมายคดีนี้ กล่าวถึงเหตุผลที่ศาลยกฟ้องว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมา ยังไม่สามารถรับฟังได้ว่า เอกสารดังกล่าว เป็นเอกสารปลอม นอกจากนี้ ศาลยังได้วินิจฉัยอีกว่า การลงทุนซื้อหุ้นวินด์ฯ จากผู้ถือหุ้นเดิมนั้น นายณพ ได้เป็นผู้ดำเนินการและเป็นผู้รับผิดชอบชำระค่าหุ้นด้วยตนเอง โดยครอบครัวณรงค์เดชไม่ได้มีส่วนร่วมในการลงทุน และไม่ได้มีการนำเครดิตของครอบครัวณรงค์เดช มาใช้ประกอบการขอสินเชื่อจากธนาคารแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า นายเกษมเป็นผู้ลงลายมือชื่อในเอกสารต่าง ๆ ด้วยตนเองจำนวนหลายฉบับ ดังนั้นพยานหลักฐานโจทก์จึงไม่พอรับฟังได้ จึงมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง

นอกจากนี้ศาลยังให้เหตุผลอีกว่า เอกสารที่นายเกษม อ้างว่ามีการปลอมนั้น เอกสารดังกล่าวได้เคยถูกส่งไปตรวจสอบมาก่อนในคดีที่คุณหญิงกอแก้ว แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.คลองตันว่า นายเกษม ยักยอกหุ้นของคุณหญิงกอแก้วไป ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็ไม่ได้ให้ความเห็นว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอมแต่อย่างใด ที่สำคัญจำเลยทั้งสามก็มีผู้เชี่ยวชาญที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานศาลยุติธรรมมาเบิกความเป็นพยานยืนยันว่า ผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวได้ตรวจสอบลายมือชื่อนายเกษม แล้วลงความเห็นว่า ไม่ใช่ลายมือชื่อปลอม นอกจากนี้ จำเลยทั้งสามยังมีที่ปรึกษากฎหมายมาเบิกความเป็นพยานยืนยันอีกว่า ทนายความเป็นผู้จัดทำเอกสารเกี่ยวกับการลงทุนในบริษัท วินด์เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด และนายเกษมต้องลงชื่อในเอกสารดังกล่าวหลายฉบับ ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่นายเกษม เอง ได้ยอมรับว่า ตนเองได้ลงลายมือชื่อในเอกสารเกี่ยวกับการลงทุนในบริษัท วินด์ฯ จำนวนหลายฉบับ

ภายหลังเสร็จสิ้นการพิจารณาคดี คุณหญิงกอแก้ว ระบุว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีแต่ตนที่ถูกกล่าวหามาถูกรังแกมาโดยตลอด ที่เงียบไม่ได้ออกมาตอบโต้ไม่ใช่หมายความว่าเราผิด แต่ว่าเรารอกระบวนการของศาล และบัดนี้ความจริงก็ปรากฏแล้ว พิสูจน์แล้วว่าเราบริสุทธิ์ วันนี้ต้องขอบคุณศาลที่ท่านให้ความยุติธรรมกับเรา นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคดีที่ถูกฟ้องในลักษณะเดียวกัน ซึ่งเราก็ต้องสู้กันต่อ ส่วนเรื่องการฟ้องกลับต้องรอปรึกษากับครอบครัวก่อน ความจริงก็คือความจริง เพราะที่ผ่านมา ตนไม่เคยเอาเปรียบคดโกงใคร

ส่วนนายณพ ณรงค์เดช กล่าวภายหลังว่า ขอขอบคุณศาลและทุกกำลังใจ สิ่งที่ตนเป็นห่วงตอนนี้คือสุขภาพคุณพ่อ บังเอิญว่าก็เพิ่งทราบจากสื่อมวลชนว่าต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ และตอนนี้สิ่งที่อยากทำคือจะไปกราบคุณพ่อและเล่าความจริงให้ฟังว่า ตนไม่เคยปลอมลายเซ็นคุณพ่อ ทำทุกอย่างด้วยความถูกต้อง และขอฝากสื่อมวลชนว่า จริงๆ แล้วอยากขอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า จะไม่ทำให้คุณพ่อและแม่ผิดหวังในตัวลูกคนนี้ ส่วนคดีที่อยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอาญากรุงเทพใต้นั้นก็มีลักษณะมูลเหตุคล้าย ๆ กัน เป็นเรื่องรายละเอียดและข้อเท็จจริงที่มีทีมทนายความดูแลปรึกษาอยู่ คงต้องขอให้เวลาในการพิสูจน์สู้คดีกัน

ด้านนายมนต์อนันต์ เรืองจรัส ทนายความของนายเกษม ณรงค์เดช เปิดเผยภายหลังว่า นายเกษม และครอบครัวณรงค์เดช ขอยืนยันข้อเท็จจริงตามคำฟ้องทุกประการ และจะใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ นอกจากคดีนี้แล้วนายเกษม ณรงค์เดชยังได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อเพื่อดำเนินคดีกับนายณพ ณรงค์เดช และคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา กับพวกเกี่ยวกับการปลอมและใช้เอกสารปลอมอีกหลายฉบับ ซึ่งคดีดังกล่าวพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ 1708/2564 แล้ว ศาลนัดสืบพยานในต้นปีหน้า โดยนายเกษม ณรงค์เดช ได้รับอนุญาตจากศาลให้เข้าไปเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการด้วยแล้ว”

ขณะที่นายกรณ์ ณรงค์เดช บุตรชายคนเล็ก ให้ข้อมูลผ่านคนใกล้ชิดว่า “วันนี้ทำให้ คุณพ่อ (เกษม ณรงค์เดช) พี่ชายคนโต (กฤษณ์ ณรงค์เดช) และตนเอง ขอน้อมรับคำตัดสิน ซึ่งหลังจากนี้ก็คงให้ทีมกฎหมายดำเนินการไปตามขั้นตอน แต่ทั้งนี้ ยืนยันคุณพ่อบริสุทธิ์ รวมทั้งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คุณพ่อทุกข์ใจมาก น้ำหนักลดมากกว่า 10 กิโลกรัม เข้าออกโรงพยาบาลหลายครั้ง จนต้องได้รับผ่าตัดทำ บายพาสหัวใจ ดังนั้น ตนและพี่ชายจึงอยากขอความเป็นธรรมให้คุณพ่อ”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า และในวันที่ 25 ต.ค.64 ที่ผ่านมา สำนักงานอัยการสูงสุดยังได้ยื่นฟ้องคุณหญิงกอแก้ว นายณพ เป็นจําเลยต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม โอนหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 83, 91, 264, 265, 268 เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1708/2564 โดยจำเลยมีการสมคบคิดกันปลอมลายมือชื่อนายเกษมและตกลงใช้ตราสารการโอนหุ้นและเอกสารต่าง ๆ โอนหุ้นที่นายเกษมถือครองให้คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเอกสารทั้งหมดได้รับการตรวจพิสูจน์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าเป็นลายเซ็นปลอมของนายเกษม ณรงค์เดช ทั้งสิ้น ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล