จากกรณีเหตุคนร้ายก่อเหตุฆ่าปาดคอ นางอนัญญา บุญปากดี หรือ “เจ๊แดง” อายุ 47 ปี เจ้าของร้านขายของชำในหมู่บ้านป่งไฮ อ.เซกา จ.บึงกาฬ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบพบว่า สร้อยข้อมือทองคำหนัก 3 บาท 1 เส้น แหวนทองคำ 2 วง กระเป๋าถือ และกระเป๋าบรรจุเงิน รวมถึงโทรศัพท์ของเจ๊แดงหายไป โดยก่อนหน้าที่เจ๊แดงเสียชีวิต มีข้าราชการในเทศบาลตำบลป่งไฮ 3 คน ไปนั่งดื่มสังสรรค์ที่ร้านเจ๊แดง ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวข้าราชการทั้ง 3 คน ไปสอบปากคำเพื่อหาเบาะแสของคนร้าย และนำตัวบุคคลที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย 4 คน มาสอบปากคำ พร้อมกับขอเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอเอาไว้ เพื่อนำไปตรวจสอบร่วมกับพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬได้มีการแถลงข่าวผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีสำคัญสะเทือนขวัญประชาชน โดยใช้มีดปาดคอเจ๊แดง ม่ายสาวเจ้าของร้านขายของชำ ชื่อ “ร้านจอยแอนโอเว่น” ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนบ้านป่งไฮ ต.ป่งไฮ อ.เซกา จ.บึงกาฬ ที่ผ่านมา 8 วัน ตำรวจเหวี่ยงแห ทำให้ฆาตกรตัวจริงยังคงลอยนวล ญาติๆ เกรงคดีไม่คืบ ยื่นหนังสือถึง ผบก.จว.บึงกาฬ ขอให้ย้ายนายดาบ ผู้ต้องสงสัยออกจากพื้นที่ จนกว่าคดีจะคลี่คลาย แต่ในที่สุด หวยก็มาออกที่ นายวัชระ สีใสย์ หรือน้ำ อายุ 32 ปี เป็นผู้ต้องสงสัยรายสุดท้าย ที่เพิ่งพ้นคุกมาอยู่บ้าน ไม่มีงานทำ คุมตัวมาสอบสวน

จากการสอบสวนนายวัชระ รับสารภาพเป็นคนลงมือเชือดคอเจ๊แดง และชิงทรัพย์ผลตรวจนิติวิทยาศาสตร์ตรงกันทุกอย่าง ทั้งรอยเท้าเปื้อนเลือด เนื้อเยื่อในเล็บผู้ตาย ของกลางอื่นๆ ก็มีกระเป่าใส่เงินผู้ตาย ซึ่งยังเหลือเงินอยู่ประมาณหมื่นกว่าบาท มีเงินบางฉบับเปื้อนเลือดผู้ตาย ส่วนโทรศัพท์และมีดปลายแหลมของกลางอ้างว่า โยนลงถังขยะไปทิ้งแล้ว

สำหรับการแถลงข่าววันนี้ นำโดย พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 พล.ต.ต.ธรรมจักร คงมงคล ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ ผกก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.4  พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ บำรุงสวัสดิ์ ผกก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ พร้อมเจ้าหน้าที่ ที่ร่วมจับกุมนายวัชระ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดบึงกาฬ ที่ 68/2565 ลง 11 ก.ค.2565 ของกลางประกอบไปด้วย กระเป๋าผ้าสีแดง-ม่วง เขียนข้อความว่า “รุ่งเรืองอินเตอร์” จำนวน 1 ใบ ในกระเป๋าดังกล่าวมีธนบัตรประกอบด้วยธนบัตรใบละ 1,000 บาท จำนวน 7 ใบ ใบละ 500 บาท จำนวน 2 ใบ ใบละ 100 บาท จำนวน 35 ใบ ใบละ 20 บาท จำนวน 76 ใบ รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 13,020 บาท

พล.ต.ท.ยรรยง กล่าวว่า ตำรวจได้ร่วมกันตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหมู่บ้าน ที่เกิดเหตุพบภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดในช่วงวันที่ 3 ก.ค.65 เวลา 02.30 น. เห็นเป็นภาพชาย รูปร่างท้วม เดินออกจากซอย มีรูปพรรณคล้ายกับบุคคลพ้นโทษภายในพื้นที่ เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้เชิญตัวบุคคลต้องสงสัย คือ นายวัชระ คนหมู่บ้านเดียวกันกับผู้ตายมาสอบสวน จากการสอบสวนนายวัชระ ให้การมีพิรุธน่าสงสัย พบร่อยรอยขีดข่วนตามร่างกาย จึงได้เชิญตัวมาที่ สภ.ป่งไฮ เพื่อตรวจสอบร่องรอยบาดแผล ที่อาจเกิดจากการต่อสู้กับผู้ตาย พิมพ์ลายนิ้วมือฝ่าเท้าตรวจสอบเก็บตัวอย่าง DNA เพื่อส่งตรวจเปรียบเทียบกับพยานหลักฐาน ที่ตรวจเก็บได้จากสถานที่เกิดเหตุ

พบเบาะแสโจ๋ติดเกม-พนันออนไลน์ ต้องสงสัยฆ่าปาดคอ ‘เจ๊แดง’

โดยเจ้าพนักงานตำรวจได้ซักถาม นายวัชระได้รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุฆ่านางอนันยา แต่เพียงผู้เดียวจริงโดยรับว่า ได้เสพยาบ้าก่อนไปก่อเหตุ และได้เข้าไปลักทรัพย์ที่บ้านเจ๊แดง โดยหยิบเอากระเป๋าคาดเอวที่วางอยู่ที่พื้นโซฟา ขณะผู้ตายหลับอยู่ในที่เกิดเหตุ เมื่อจะหลบหนี เจ๊แดงตื่นขึ้นพบนายวัชระ จึงได้ต่อสู้กัน โดยนายวัชระใช้อาวุธมีดแทงที่ลำคอผู้ตาย และได้หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบพยานหลักฐานสอดคล้องกับคำรับสารภาพ ซึ่งต่อมานายวัชระได้สมัครใจนำตำรวจไปตรวจยึดของกลาง ซึ่งเป็นธนบัตรที่ได้นำมาจากบ้านเจ๊แดงจริง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ณัฐนนท์ กล่าวว่า จากการสอบสวนคนร้าย รับสารภาพ โดยเหตุจูงใจ ก็หวังเงินจำนวนไปจัดงานวันเกิดให้ลูกชายตัวเอง ที่อยู่กรุงเทพฯ และก็วันเกิดของตนเองด้วย ซึ่งเกิดเดือนกรกฎาคม นี้เหมือนกัน หลังจากที่เข้าไปทางหน้าต่างบ้านเจ๊แดง พบนอนหลับอยู่บนโซฟาใกล้หน้าต่าง จึงได้ล้วงเอากระเป๋าสตางค์ ที่อยู่ในเอี้ยมห้อยคอเจ๊แดง หลังจากได้กระเป๋าสตางค์แล้ว กำลังจะก้าวเดินออกจากหน้าต่าง เจ๊แดงตื่นขึ้นมาพบพอดี จึงได้ร้องเรียกตนว่า ”ไอ้น้ำ” ตกใจจึงได้หันกลับไปใช้มือดึงผมเจ๊แดง มีการต่อสู้ยื้อแย่งมีดกัน แล้วก็ใช้มีดปลายแหลมที่พกไปด้วยเชือกคอเจ๊แดงจนเสียชีวิตดังกล่าว

ส่วนนางมณีวรรณ สีใสย์ อายุ 55 ปี แม่ของผู้ต้องหา ได้เข้าพบลูกชายที่ห้องกระจก โดยเกรงว่าลูกชายอาจเป็นแพะรับบาป แต่จากการสอบถามยอมรับว่าเป็นคนกระทำจริง จากนั้นนายวัชระจึงเข้ากอดแม่ และยาย ร้องไห้และก้มกราบขอโทษที่กระทำความผิด โดยนางมณีวรรณ กล่าวว่า จากการสอบถามลูกชายบอกว่าไม่มีเจตนาฆ่า ต้องการชิงทรัพย์เอาเงินเฉยๆ แต่ผู้ตายตื่นขึ้นมา และเรียกชื่อตนเองจึงตกใจ ใช้มีดเชือดคอจนเสียชีวิตดังกล่าว และยอมรับว่ากระทำผิดจริง