เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ร้านโรงเหล้าอมตะ ตั้งอยู่เลขที่ 117/1 หมู่ 5 ต.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง จ.ชลบุรี น.ส.ภูรินทรา มิ่งโอโล อายุ 44 ปี เจ้าของร้านโรงเหล้าอมตะและเจ้าของธุรกิจเกี่ยวสถานบันเทิงหลายแห่ง เปิดเผยว่า ตนเองได้ถูกนายเอ็ม อายุ 33 ปี ชาวจ.กระบี่ ได้มาหลอกลวงตนว่ามีความสนิทสนมกับ น.ส.พิมรดา เบญจวัฒนะ หรือพิมรี่พาย เนื่องจากได้ส่งขนมบราวนี่ให้กับพิมรี่พายจำหน่าย ช่วงนั้นยังไม่ได้เกิดปัญหาขนมบราวนี่ขึ้นรา จึงทำให้เกิดความเชื่อถือ ประกอบกับมีการสั่งซื้อขนมบราวนี่ของนายพงศธรไปจำหน่ายจริง นอกจากนี้ยังได้มีการทำเฟซบุ๊กมาหลอกว่าได้มีการติดต่อกับพิมรี่พาย รวมทั้งอ้างว่าเคยเป็นแฟนกับพิมรี่พายอีกด้วย ทำให้เกิดความเชื่อถือ และหวังว่าว่าได้มีการประกอบธุรกิจร่วมกัน

น.ส.ภูรินทรา กล่าวต่อว่า หลังจากที่มีข่าวว่าขนมบราวนี่เกิดขึ้นรา เนื่องจากแหล่งผลิตไม่ได้คุณภาพ นายพงศธร จึงมาติดต่อกับตนให้ช่วยหาแหล่งผลิตขนมบราวนี่ จึงได้จัดพื้นที่ส่วนหนึ่งให้มีการผลิตขนมบราวนี่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี เพื่อส่งไปขายให้กับพิมรี่พาย ซึ่งตนเองก็หลงเชื่อ ต่อมานายพงศธร ได้เห็นตนเองทำน้ำพริกหลวงพระบาง ซึ่งเป็นน้ำพริกใส่หนังหมู ซึ่งมีชื่อเสียงในประเทศลาว จึงอ้างว่าให้ทำน้ำพริกไปให้พิมรี่พายชิม และอ้างว่าชิมแล้วเกิดความชอบ และต้องการเป็นตัวแทนไปจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าดังๆ อาทิ เทสโก้ โลตัส แม็คโคร ซึ่งส่งเดือนละ 2-3 แสนกระปุก พร้อมทั้งได้มีการปลอมแปลงใบสั่งซื้อมาให้ด้วย ทำให้เชื่อประกอบได้ใช้แมสเซนเจอร์ในเฟซบุ๊กรูปพิมรี่พายมาหาตน พร้อมทั้งอ้างว่าเป็นคุณออย พี่สาวของพิมรี่พายเป็นผู้ประสานงาน แต่ความจริงเป็นพนักงานของพิมรี่พาย

“ต่อมาได้มีการพิมพ์ข้อความมาถึงพร้อมทั้งบอกว่าพิมรี่พายขอความช่วยเหลือ โดยอ้างว่าสรรพกรตรวจสอบทำให้ไม่สามารถใช้เงินในบัญชีได้ ประกอบกับเราเป็นเอฟซีของพิมรี่พราย รวมทั้งถูกหลอกว่าชอบน้ำพริกหลวงพระบางด้วย จึงได้โอนเงินให้ครั้งละ 1-2 ล้านบาท โอนไปประมาณ 40 ครั้ง เพื่อช่วยเหลือพิมรี่พาย หากรวมทั้งเงินสดและทรัพย์สินโอนไปให้ประมาณ 20 ล้านบาท ต่อมาเพิ่มมารู้ว่านายเอ็มหลอกทั้งหมด ทราบว่าแบบฟอร์มที่ส่งมาให้นั้นไม่ใช่ของพิมรี่พาย คนชื่อออยก็ไม่ใช่พี่สาวของพิมรี่พาย และได้ออกจากการเป็นพนักงานไปแล้ว นอกจากนี้ยังได้พยายามประสานงานกับพิมรี่พาย จนกระทั่งทราบว่าพิมรี่พายไม่เคยประสานงานกับนายเอ็มเลย จึงรู้ว่าถูกหลอก” น.ส.ภูรินทรา กล่าว

น.ส.ภูรินทรา กล่าวต่ออีกว่า หลังจากนั้นจึงได้เข้าแจ้งความที่ สภ.ดอนหัวฬ่อ เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 65 ในความผิดฐานฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 และมาตรา 342 (1) รวมทั้งการนำใบเสนอราคาปลอมมาใช้ มีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร รวมทั้งการปลอมแปลงเช็คอีกด้วย และการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อีกด้วย ต่อมานายพงศธร ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สภ.ดอนหัวฬ่อ ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี แต่ไม่มีเงินประกับตัว ตำรวจจึงได้ส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางชลบุรี

“ส่วนในเรื่องของพิมรี่พายนั้น ตนไม่ได้เรียกร้องอะไร อยากให้มาชิมน้ำพริกหลวงพระบางของตนบ้าง หากติดอกติดใจและไปช่วยจำหน่าย ก็จะเป็นช่องทางในการลดหนี้สินที่เกิดขึ้นประมาณ 20 ล้านบาทก็พอใจแล้ว การที่มาร้องเรียนสื่อมวลชนในครั้งนี้ เนื่องจากการดำเนินคดีมีความล่าช้า และยังไม่มีการยึดทรัพย์ของผู้ต้องหา เกรงว่าเงินที่เสียไปประมาณ 20 ล้านบาทจะไม่ได้คืน นอกจากนี้ยังได้มีการว่าจ้างทนายความเสียเงินไปอีกจำนวนมาก ก็อ้างแต่ว่าต้องรอการดำเนินการของตำรวจ จึงมาร้องเรียนเพื่อให้มีการเร่งรัดคดีดังกล่าว” น.ส.ภูรินทรา กล่าวทิ้งท้าย.