เมื่อวันที่ 21 ก.ค. อาสาสมัครกู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า วานนี้ (20 ก.ค.) ได้รับแจ้งว่า มีผู้ป่วยติดโควิดเสียชีวิตภายในห้องเช่าแห่งหนึ่งในซอยกิ่งแก้ว 34 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จึงนำกำลังชุดปฏิบัติการตอบโต้โควิด เดินเข้าตรวจสอบร่างผู้เสียชีวิต เป็นชายสูงอายุ วัย 63 ปี เสียชีวิตอยู่ในห้องพัก ในสภาพมีเลือดออกที่ปากและเป็นผู้ป่วยอัมพาตครึ่งตัว เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันบรรจุร่างใส่ถุงซิป 3 ชั้น ก่อนจะนำบรรจุเข้าโลงศพทันที และพ่นยาฆ่าเชื้อโดยรอบ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ โดยมีผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.บางแก้ว ร่วมกันเป็นพยาน ก่อนเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตมาที่เมรุวัดชวดลากข้าว เพื่อเข้าเตาฌาปนกิจศพทันที ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของบุตรและญาติ โดยทางครอบครัวของคุณตาวัย 63 ปี ทำได้แค่นิมนต์พระมาสวดหน้าเตาเผาเท่านั้น 

นายวรพจน์  มีทรัพย์ทอง บุตรชายของผู้เสียชีวิต เล่าทั้งน้ำตาว่า คุณพ่อตน เดิมทีป่วยมีโรคประจำตัวทั้งเบาหวาน ความดัน และสมองตีบ ที่ผ่านมายังพอช่วยเหลือตัวเองได้บ้างแต่ก็ไม่แข็งแรง จนมาก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน คุณแม่ได้ติดเชื้อโควิด-19 จนมีการแยกห้องกักตัวที่บ้าน จากนั้นคุณพ่อเริ่มมีอาการ หายใจเหนื่อย มีไข้สูง และเริ่มช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พอมาช่วงเก้าโมงของเมื่อวานนี้ (19 ก.ค. 65) ได้ประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้ช่วยนำคุณพ่อ ส่งตรวจและรักษาที่โรงพยาลบาลของรัฐแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนั้นลูก ๆได้ไปทำงาน

จนกระทั่งเลิกงานสี่โมงเย็น ตนจึงรีบขับรถไปโรงพยาบาลดังกล่าว เพื่อดูคุณพ่อ แต่พอไปถึงกลับพบว่าคุณพ่อยังไม่ได้รับการรักษาหรือตรวจโรคแต่อย่างใด ถูกปล่อยรอบนเตียงเข็นคนไข้ที่จอดอยู่ข้างเสาที่ลานจอดรถของโรงพยาบาลดังกล่าว พอไปสอบถามเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอ้างว่า คนไข้ไม่มีเอกสารและรอเอกสารจากทางญาติ ตนจึงรีบแสดงเอกสาร ก่อนเจ้าหน้าที่จะพาเข้าตรวจเพียงไม่กี่นาที และมีแจ้งมีหน้ามาแจ้งตนเองว่า คุณพ่อตน เชื้อยังไม่ลงปอด ให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านโดยให้ยามาทาน ซึ่งตนก็ยังแปลกใจว่าเหตุใดจึงไม่รับตัวไว้รักษาที่โรงพยาบาล เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าคุณพ่อเริ่มมีอาการทรุดลง จึงอ้อนวอนขอให้รับตัวพักดูอาการหรือรักษาที่โรงพยาบาล แต่มีเจ้าหน้าที่บางท่านแจ้งว่าเตียงเต็ม แต่หากจะนอนต้องจ่ายเงิน 1,500 บาท ซึ่งในขนาดนั้นตนก็ยอมที่จะจ่าย แต่สุดท้ายทางโรงพยาบาลยังยืนยันให้กับมารักษาตัวที่บ้าน โดยให้ยาฟาวิฟาเวียร์และยาอื่นมาทาน จึงจำใจพาคุณพ่อ กลับมาที่ห้องพักจนกระทั่งมาช่วงบ่ายวันนี้ อาการคุณพ่อเริ่มทรุดหนักอีกครั้ง และมีการไอออกมาเป็นลิ่มเลือดจำนวนมา ก่อนจะสิ้นลมหายใจในที่สุด

ด้าน น.ส.สุกัญญา แย้มเจริญ ลูกสะใภ้ กล่าวว่า ตนเองและครอบครัวติดใจสาเหตุที่โรงพยาบาลไม่รับตัวคุณพ่อไว้รักษา โดยที่หนึ่งในพยาบาลอ้างว่า คุณพ่อน่าจะติดเชื้อตัวเดียวกับแม่ที่มาก่อนนี้ และให้กลับมารักษาด้วยกันที่บ้าน อาการของคุณพ่อ ยังถือว่าไม่ใช่อาการคนไข้หนัก ถึงขั้นต้องรับตัวไว้รักษา อีกทั้งโรงพยาบาลมีหมอเวรเพียงคนเดียว ยืนยันให้คุณพ่อกลับมารักษาที่บ้าน ซึ่งตนยังบอกกลับไปว่า ที่บ้านก็มีคนติดเชื้อ อีกทั้งที่พักก็เป็นชุมชนขนาดใหญ่ หวั่นเรื่องการแพร่กระจายของเชื้อ แต่ทางโรงพยาบาลก็ยังออกมายืนยันที่จะให้กลับ จนมาเกิดเรื่องเศร้ากับครอบครัว วันนั้นหากโรงพยาบาลรับตัวคุณพ่อไว้รักษา ชีวิตคุณพ่ออาจจะอยู่กับลูกกับหลานได้อีกหลายวัน 

หลังจากนี้ทางครอบครัวได้พูดคุยกันแล้วว่า จะเดินหน้าเรียกร้องขอความเป็นธรรม และขอให้ทางโรงพยาบาลออกมาชี้แจงกับเรื่องที่เกิดขึ้น