ชายหนุ่มชาวเนปาลวัย 26 ปี ซึ่งย้ายมาอยู่ที่ออสเตรเลีย ในรัฐแทสเมเนีย เมื่อปี 2558 ต้องเผชิญข้อหาที่อาจทำให้เขาต้องโดนเนรเทศออกไปจากออสเตรเลีย

เหตุการณ์เกิดขึ้นในเช้าวันหนึ่งของปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่เขาทำงานเป็นไรเดอร์ส่งอาหารของบริษัทแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มทำงานของตัวเองเสร็จก่อนหมดกะ เขาจึงขับรถไปยังบริเวณสวนสาธารณะรอสนีย์ เมืองโฮบาร์ต รัฐแทสเมเนีย และจอดรถ

หลังจากสำรวจรอบด้านและคิดว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้น เขาก็เริ่มลงมือสำเร็จความใคร่ให้ตัวเอง แต่ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่ตรงเข้ามายังรถของเขา เพื่อแจ้งเตือนว่าห้ามจอดรถในบริเวณนั้น

แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาเคาะกระจกหน้าต่างด้านข้างของรถ ก็สังเกตเห็นว่าชายหนุ่มกำลังทำกิจกรรมทางเพศเป็นการส่วนตัว จึงได้บอกให้เขาออกไปจากบริเวณนั้นเสีย ซึ่งชายหนุ่มก็ทำตาม

หลังจากที่โดนเจ้าหน้าที่จับได้ ชายหนุ่มสุดซวยก็โดนบังคับให้เข้ากระบวนการประเมินความเสี่ยงโดยสำนักจัดระเบียบชุมชนของแทสเมเนีย หรือ Community Corrections Tasmania (CCT) เพื่อชี้ขาดว่าเขามีแนวโน้มที่จะมีประพฤติผิดซ้ำอีกหรือไม่ ซึ่งปรากฏว่า CCT ระบุว่าชายหนุ่มมีความเสี่ยงปานกลางที่จะประพฤติผิดซ้ำ และอาจทำให้ต้องลงทะเบียนชื่อของเขาในรายชื่อของอาชญากรทางเพศ

ผลที่อาจตามมาก็คือ ถ้าหากชื่อของเขาโดนรวมอยู่ในกลุ่มอาชญากรทางเพศ เขาก็มีโอกาสที่จะโดนเนรเทศออกจากออสเตรเลีย

ดิเนช โลกานาธาน ทนายความของชายหนุ่ม ได้ปรึกษานักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญสองราย ได้แก่ ดร.แกรนต์ เบลค และ ดร.เอมมา คอลลินส์ และทั้งสองมีความเห็นแย้งกับรายงานของ CCT โดยระบุว่า ชายหนุ่มมีความเสี่ยงต่ำที่จะประพฤติผิดซ้ำ

อย่างไรก็ตาม ทาง CCT ได้ปฏิเสธที่จะเปลี่ยนคำตัดสินและยืนกรานตามเดิม ขณะที่ทนายโลกานาธานชี้ว่า สำนักงาน CCT กำลังใช้กฎหมายในทางที่ผิด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ไม่อาจยอมรับได้ และไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นอีก

ออสเตรเลียคือหนึ่งในกลุ่มประเทศที่มีกฎหมายเกี่ยวกับการเนรเทศที่เข้มงวดที่สุดในโลกตะวันตก ในปี 2557 รัฐบาลออสเตรเลียเริ่มบังคับใช้มาตราย่อย 501 จากพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองที่ระบุว่า บุคคลที่ไม่ใช่พลเมืองออสเตรเลีย อาจโดยปฏิเสธหรือเพิกถอนวีซ่าได้ ถ้าหากไม่ผ่านการทดสอบ ‘คุณลักษณะบุคคล’ ซึ่งทำให้มีคนโดนเนรเทศออกไปราว 10,000 คนในคราวนั้น

แหล่งข่าว : ladbible.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES