เมื่อวันที่ 5 ส.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. แถลงข่าวหลังจากได้รับทราบข้อมูลผลตรวจยืนยัน พบผู้ป่วยฝีดาษลิงรายที่ 2 ของ กทม. เป็นหญิงไทย อายุ 22 ปีขณะนี้ เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 ทั้งนี้ ผู้ป่วยเริ่มมีอาการและเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา จากลักษณะอาการเข้าข่ายโรคโรงพยาบาลจึงเก็บตัวอย่างส่งตรวจและได้รับการยืนยันผลเช้าวันนี้ (5 ส.ค.) ว่า เป็นผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิง

น.ส.ทวิดา กล่าวว่า โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 ซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดสมุทรปราการ เกิดข้อสงสัยในอาการของผู้ป่วยรายดังกล่าว จึงได้กักตัวและตรวจคัดกรองเพิ่มเติม และได้รับผลยืนยันเมื่อช่วงเช้าวันนี้ว่าติดเชื้อฝีดาษวานร และขณะนี้ผู้ป่วยอยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 เรียบร้อยแล้ว

“ต้องขอบคุณโรงพยาบาลจุฬารัตน์ที่ประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และ กทม.อย่างรวดเร็ว เพื่อการสอบสวนโรคที่มีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ป่วยรายนี้ มีผู้สัมผัสเสี่ยงร่วมบ้าน ชาวไทย 2 ราย ที่พบตัวแล้ว และเข้าสู่ระบบการคัดกรอง-กักตัว และอยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงชาวต่างชาติ ไนจีเรียอีก 1 ราย อย่างไรก็ตาม ขอให้ระมัดระวังดูแลตัวเองในเรื่องการใช้ชีวิตในลักษณะที่มีความเสี่ยง เนื่องจากเริ่มมีเคสเกิดเพิ่มขึ้นโดยโรคฝีดาษวานร มีระยะเวลาที่ต้องเฝ้าระวังหลังการสัมผัสถึง 21 วัน จึงขอให้เฝ้าระวังอาการสำหรับผู้ที่สัมผัสให้ครบ 21 วัน”

รายงานข่าวแจ้งว่า สำนักอนามัย ได้รับข้อมูลรายงานว่า รพ.จุฬารัตน์ 3 ตรวจพบหญิง อายุ 22 ปี มีอาการตุ่มคันบริเวณแขนและลำตัว มีประวัติมีเพศสัมพันธ์กับชาวต่างชาติ (ไนจีเรีย) มีผู้ร่วมสัมผัส 2 คน เนื่องจากพักอาศัยอยู่ที่เดียวกัน

ทั้งนี้ จากการสอบสวนโรคทราบว่าผู้ป่วยเดินทางไปเที่ยวสถานบันเทิงแถวสุขุมวิทชอย 3 เมื่อปลายเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา และได้มีเพศสัมพันธ์กับชาวไนจีเรีย โดยใส่ถุงยางอนามัย ต่อมาผู้ป่วยเริ่มมีอาการไข้ แต่ยังไปเที่ยวถนนข้าวสารมีการดื่มสุรา กับเพื่อนร่วมสัมผัส โดยบรรยากาศในร้านค่อนข้างแออัด จากนั้นมีตุ่มขึ้นที่แขนก่อนลามไปทั่วร่างการรวมถึงอวัยวะเพศ แต่ยังเดินทางไปร้านอาหาร ใกล้สถานีบีทีเอสพร้อมพงษ์ และต่อด้วยรถประจำทางเพื่อรับการรักษาตามสิทธิ ที่ รพ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 

เบื้องต้น รพ.ดังกล่าวได้เก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจ PCR หาเชื้อ Monkeypxx ทางห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ผลพบติดเชื้อ พร้อมทั้งจัดทำทะเบียนซักประวัติผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 

เมื่อถามว่า กทม.จะมีมาตรการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดโรคฝีดาษลิงในสถานบันเทิงด้วยหรือไม่ เพราะกรณีนี้เกิดขึ้นจากสถานบันเทิง นายชัชชาติ กล่าวว่า โรคฝีดาษลิงไม่ได้มาจากพฤติกรรมของพื้นที่ประกอบการ เป็นพฤติกรรมส่วนบุคคล เพราะเกิดจากการสัมผัสใกล้ชิด สิ่งที่ต้องทำคือให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชนมาก เช่น การมีเพศสัมพันธ์ การสวมถุงยางอนามัยก็ไม่ได้ช่วย ซึ่งการเข้าไปตรวจในสถานบันเทิงไม่ได้ช่วยตรงนี้ แต่การให้ความรู้เป็นเรื่องสำคัญกว่า โรคฝีดาษลิง เริ่มเข้ามาใกล้ตัวอีกก้าวหนึ่งแล้ว เพราะเราพบผู้ติดเชื้อซึ่งเที่ยวอยู่ในกรุงเทพฯ แถวนานา ที่น่าเป็นห่วงคือใช้เวลาฟักตัวนาน จากการสัมผัสกันต้องใช้เวลาเกือบเดือนกว่าจะเกิดอาการทำให้บางคนอาจจะละเลยไป สิ่งสำคัญคือต้องให้ความรู้ทั้งสถานสาธารณสุขและประชาชน

ส่วนการลงพื้นที่ตรวจไม่ง่าย เพราะเป็นโรคติดต่ออีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งไม่ได้แพร่ทางอากาศต้องขอบคุณ รพ.จุฬารัตน์ ที่สามารถตรวจพบผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เราสามารถเข้าไปดูเหตุ และแยกคนที่มีความเสี่ยงออกมาได้