เมื่อวันที่ 6 ส.ค. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด โพสต์ข้อความผ่านเพจ “ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ” ระบุว่า “ได้ดูข่าว คุณทอม เครือโสภณ ว่ามีการนำเข้ากัญชาโดยสำแดงเท็จ อาจผิด พ.ร.บ.ศุลกากร และ มีการนำเข้าพืช (กัญชา) ต้องห้าม อาจผิด พ.ร.บ.กักพืช ผมมาพลิกดูข้อกฎหมายแล้วเป็นเรื่องที่แปลกดี กรณีนี้คุณทอมอาจจะโดนกลั่นแกล้ง ทุกคนทราบกันดีว่า “กัญชา” ถูกถอดจากบัญชียาเสพติดแล้ว ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ดังนั้นคนที่ครอบครอง หรือมีไว้ซึ่งกัญชาจึงไม่มีความผิดแต่อย่างใด แล้วคนที่นำเข้ากัญชาผิดไหม?

เริ่มแรกมาดู พ.ร.บ.กักพืชก่อน พ.ร.บ.ตัวนี้มีไว้ไม่ให้พืชที่ไม่เหมาะสมเข้ามาประเทศไทย ใครฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่น หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประกาศกระทรวงเกษตรฯ ระบุว่าส่วนหนึ่งส่วนใดของพืชในสกุลแคนนาบิส เป็นสิ่งต้องห้าม และกัญชาก็เป็นพืชในสกุลแคนนาบิสซะด้วย แต่มีข้อยกเว้นว่า “พืชในสกุลแคนนาบิส ……ใช้เพื่อการอุตสาหกรรม ต้องมีใบรับรองปลอดศัตรูพืช จากประเทศผู้ส่งออกกำกับมาด้วย” ซึ่งแปลได้ว่า กัญชา ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ หากเป็นการนำเข้ามาเพื่ออุตสาหกรรม และมีใบรับรองปลอดศัตรูพืช ก็สามารถนำเข้ามาประเทศไทยได้ ไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด

ผมดูคลิปที่คุณทอม ให้สัมภาษณ์นักข่าวหลายสำนัก เค้าก็ยืนยันว่านำมาใช้กับคลินิกของตัวเอง และมีเอกสารรับรองจากกระทรวงเกษตรฯ ของสหรัฐอเมริกา ก็เท่ากับนำมาใช้เพื่ออุตสาหกรรมทางการแพทย์ จึงไม่ผิด พ.ร.บ.กักพืช และประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างแน่นอน ส่วนข้อหาสำแดงเท็จ ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ที่คุณทอม นำเข้าช่อดอกกัญชา แต่มีการสำแดงว่าเป็นการนำเข้าเหล็ก!!

ความผิดฐานเจตนาสำแดงเท็จในทางกฎหมาย จะต้องหาบุคคลที่กระทำความผิดว่า ผู้ใดที่สำแดงเท็จ เพราะกฎหมายจะเอาผิดกับบุคคลที่สำแดงเท็จเท่านั้น จากที่ตามข่าวผู้ที่สำแดงเท็จคือผู้ที่นำส่ง ไม่ใช่คุณทอม เพราะคุณทอมรับพัสดุที่ตรวจแล้วมาส่งที่บ้าน คุณทอมไม่ได้สำแดงต่อเจ้าหน้าที่เลยว่าในกล่องคืออะไร แล้วจะผิด พ.ร.บ.ศุลกากร ว่าด้วยเรื่องสำแดงเท็จได้อย่างไร

การจะดำเนินคดีคุณทอม เครือโสภณ ทั้งๆ ที่ไม่ได้กระทำผิด ทั้ง พ.ร.บ.กักพืช หรือ พ.ร.บ.ศุลกากร จึงน่าแปลกใจ ว่าทำได้อย่างไร หรือว่า ธุรกิจกัญชาในไทยมีขาใหญ่ ที่คอยสกัด และกีดกันเจ้าอื่นไม่ให้เข้ามาทำธุรกิจนี้ #กัญชาเสรี #ทอมเครือโสภณ”

ขอบคุณ ข้อมูล – ภาพ เพจ “ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ”