“เดอะ ซัน” สื่อดังในประเทศอังกฤษ รายงานว่า หุ้นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก มีมูลค่าสูงขึ้นราว 12 เปอร์เซ็นต์ หลัง ไมเคิล ไนท์ตัน อดีตบอร์ดบริหารของสโมสร ออกมาประกาศว่า เขาต้องการที่จะเทคโอเวอร์กิจการของ “ผีแดง” เนื่องจากไม่พอใจการบริหารงานของตระกูลเกลเซอร์

เวลานี้ แฟนบอล “ผีแดง” ต่างแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความไม่พอใจในการบริหารงานของตระกูลเกลเซอร์ หลังผลงานของทีมตกต่ำต่อเนื่อง รวมถึงการไม่ได้ไปเล่นในถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ แถมทีมยังแพ้ ไบรท์ตัน คาบ้านในเกมลีกนัดเปิดฤดูกาลอีกต่างหาก โดยแฟนบอลของทีมได้ทำการประท้วงมาอย่างต่อเนื่อง และก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่า มีการจุดกระแสประท้วงด้วยการไม่เข้าชมเกมลีกนัดแดงเดือดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเปิดบ้านรับมือ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในวันที่ 22 ส.ค. นี้

ด้าน ไนท์ตัน ซึ่งเคยยื่นข้อเสนอ 20 ล้านปอนด์ เพื่อซื้อกิจการ “ผีแดง” ก่อนถูกปฏิเสธ และถูกดึงเข้ามาเป็นบอร์ดบริหารของสโมสรในช่วงปี 1989-1992 นั้น ออกมาประกาศก่อนหน้านี้ว่า เขาต้องการเข้ามาซื้อกิจการของสโมสรจากการครอบครองของตระกูลเกลเซอร์ เนื่องจากทนดูความตกต่ำของทีมไม่ไหว

ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นของ แมนฯ ยูไนเต็ด มีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก โดยรายงานระบุว่า หุ้นของทีมดังแดนผู้ดีมีการซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์ถึง 1.8 ล้านหุ้น เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะที่มูลค่าของหุ้นก็พุ่งสูงขึ้นถึง 12 เปอร์เซ็นต์